สถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ เล็งเจาะกลุ่มผู้ประกอบการ ต่อยอดการส่งออกที่สามารถทุบสถิติ 2 เดือนซ้อน เผยไตรมาสสุดท้ายของปีเตรียมจัดโครงการฝึกอบรมพิเศษ“ผู้ส่งออกอัจฉริยะ: Smart Exporter รุ่นที่ 9” หวังปั้นผู้ประกอบการส่งออกมีคุณภาพ เสริมสร้างศักยภาพการส่งออกให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ชี้ 3 เดือนเห็นผล ผู้ส่งออกสามารถรู้ลึก รู้รอบด้านอย่างรวดเร็วในการค้าระหว่างประเทศ
รอ.สุวิพันธ์ ดิษยมณฑล ผู้อำนวยการสถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2551 การส่งออกมีมูลค่า 16,957.4 ล้านเหรียญสหรัฐทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นการส่งออกที่มีมูลค่าเกิน 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 43.9 ทำให้การส่งออกยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นสถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศจึงได้จัดเตรียมโครงการโครงการฝึกอบรมในหลักสูตร “ผู้ส่งออกอัจฉริยะ: Smart Exporter”รุ่นที่ 9 ขึ้นระหว่างวันที่ 15 ก.ย.-24 ธ.ค. เพื่อที่จะพัฒนาความสามารถของผู้ส่งออกไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศได้อย่างมีความมั่นคงเป็นมาตรฐาน
ทั้งนี้หลักสูตร “ผู้ส่งออกอัจฉริยะ: Smart Exporter”รุ่นที่ 9 จะใช้ระยะเวลาในการอบรมผู้ประกอบการส่งออกเป็นเวลา 3 เดือน มีชั่วโมงในการเรียนมากกว่า 100 ชั่วโมง โดยมีขอบเขตและเนื้อหาสาระของหลักสูตรประกอบไปด้วยความรู้และทักษะการบริหารการส่งออกที่สำคัญ อาทิ การวางแผนกลยุทธ์ทำแผนธุรกิจต่างประเทศ และ Financial Projection ของแต่ละกลุมสินค้า การทำแผนการตลาดสินค้าในตลาดประเทศเป้าหมาย (Oversea Domestic Marketing) และการทำกิจกรรมกลุ่มด้านสัญญาซื้อขายระหว่างประเทศ การศึกษาดูงาน เยี่ยมชมงานแสดงสินค้า กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ เพื่อสร้างพฤติกรรมมีส่วนร่วมในสังคมธุรกิจ และการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในตลาดต่างประเทศ
รอ.สุวิพันธ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการส่งออกเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และมีผลไปถึงการพัฒนาในทางสังคม ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการพัฒนาด้านการส่งออกอย่างต่อเนื่อง มีความพร้อมด้านทรัพยากรและปัจจัยการผลิตที่จะเอื้ออำนวยในการผลิตสินค้าและบริการ จึงเป็นแหล่งการค้าและการลงทุนผลิตสินค้าที่มีความสำคัญแห่งหนึ่ง จากสภาพการแข่งขันทางการค้าให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความสามารถในการหาตลาดต่างประเทศ
“สำหรับโครงการดังกล่าวจะเป็นโครงการที่ให้ผู้ประกอบการส่งออกที่มาเข้าร่วมฝึกอบรมนั้นได้เรียนรู้ในหัวข้อที่ครอบคลุมทุกเรื่องของการส่งออก จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของวิทยากรทั้งภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงการศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ และมีการทำ work shop และกิจกรรมตลอดหลักสูตร” รอ.สุวิพันธ์ กล่าว
รอ.สุวิพันธ์ ดิษยมณฑล ผู้อำนวยการสถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2551 การส่งออกมีมูลค่า 16,957.4 ล้านเหรียญสหรัฐทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นการส่งออกที่มีมูลค่าเกิน 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 43.9 ทำให้การส่งออกยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นสถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศจึงได้จัดเตรียมโครงการโครงการฝึกอบรมในหลักสูตร “ผู้ส่งออกอัจฉริยะ: Smart Exporter”รุ่นที่ 9 ขึ้นระหว่างวันที่ 15 ก.ย.-24 ธ.ค. เพื่อที่จะพัฒนาความสามารถของผู้ส่งออกไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศได้อย่างมีความมั่นคงเป็นมาตรฐาน
ทั้งนี้หลักสูตร “ผู้ส่งออกอัจฉริยะ: Smart Exporter”รุ่นที่ 9 จะใช้ระยะเวลาในการอบรมผู้ประกอบการส่งออกเป็นเวลา 3 เดือน มีชั่วโมงในการเรียนมากกว่า 100 ชั่วโมง โดยมีขอบเขตและเนื้อหาสาระของหลักสูตรประกอบไปด้วยความรู้และทักษะการบริหารการส่งออกที่สำคัญ อาทิ การวางแผนกลยุทธ์ทำแผนธุรกิจต่างประเทศ และ Financial Projection ของแต่ละกลุมสินค้า การทำแผนการตลาดสินค้าในตลาดประเทศเป้าหมาย (Oversea Domestic Marketing) และการทำกิจกรรมกลุ่มด้านสัญญาซื้อขายระหว่างประเทศ การศึกษาดูงาน เยี่ยมชมงานแสดงสินค้า กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ เพื่อสร้างพฤติกรรมมีส่วนร่วมในสังคมธุรกิจ และการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในตลาดต่างประเทศ
รอ.สุวิพันธ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการส่งออกเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และมีผลไปถึงการพัฒนาในทางสังคม ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการพัฒนาด้านการส่งออกอย่างต่อเนื่อง มีความพร้อมด้านทรัพยากรและปัจจัยการผลิตที่จะเอื้ออำนวยในการผลิตสินค้าและบริการ จึงเป็นแหล่งการค้าและการลงทุนผลิตสินค้าที่มีความสำคัญแห่งหนึ่ง จากสภาพการแข่งขันทางการค้าให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความสามารถในการหาตลาดต่างประเทศ
“สำหรับโครงการดังกล่าวจะเป็นโครงการที่ให้ผู้ประกอบการส่งออกที่มาเข้าร่วมฝึกอบรมนั้นได้เรียนรู้ในหัวข้อที่ครอบคลุมทุกเรื่องของการส่งออก จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของวิทยากรทั้งภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงการศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ และมีการทำ work shop และกิจกรรมตลอดหลักสูตร” รอ.สุวิพันธ์ กล่าว
