xs
xsm
sm
md
lg

บล.ภัทร ชี้เอสเอ็มอีไทยปี 52 ยังน่าห่วงเหตุแบงก์ไม่ปล่อยกู้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บล.ภัทร เชื่อเศรษฐกิจปี 2552 จะตกต่ำรุนแรงจากวิกฤตสหรัฐฯ ภาคการส่งออกขยายตัวลดลงเหลือ 7% ส่งผลไทยขาดรายได้ 800,000 ล้านบาท เผยธุรกิจเอสเอ็มอี ส่งออก และเภาคการเกษตรน่าห่วงสุด แนวโน้มลดจำนวนพนักงานมีสูง คาดอนาคตสหรัฐฯ กีดกันนำเข้าสินค้ามากขึ้น เพื่อปัญหาการขาดดุลการค้า

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าสายงานวิจัย บล.ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวในการเสวนาความมั่นคงเรื่อง วิกฤติการเงินโลก-วิกฤติความมั่นคงไทย ว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2552 จะตกต่ำอย่างรุนแรง ผลกระทบจากวิกฤติการเงิน โดยคาดว่าสหรัฐอัตราการขยายตัวจะติดลบร้อยละ 1.7-1.8 สหภาพยุโรป ติดลบร้อยละ 0.5 ขณะที่ไทยอัตราการขยายตัวจะเหลือร้อยละ 3.3 ต่ำกว่าปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.5 เนื่องจากภาคส่งออกขยายตัวลดลงมาก จากร้อยละ 19 เหลือร้อยละ 7 ทำให้รายได้จากการส่งออกลดลงประมาณ 800,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นตัวฉุดให้เศรษฐกิจขยายตัวลดลง

ทั้งนี้สิ่งที่น่ากังวลสำหรับไทยในปีหน้าคือ ผลกระทบต่อภาคธุรกิจสำคัญ คือ ธุรกิจเอสเอ็มอี เพราะจะมีปัญหาการชำระหนี้มากขึ้น และขาดสภาพคล่อง เนื่องจากธนาคารไม่ปล่อยกู้ และจะทำให้เอสเอ็มอี ที่สายป่านไม่ยาวเกิดปัญหา ในขณะที่ะภาคการส่งออก จากอัตราการขยายตัวที่จะลดลงเหลือร้อยละ 7 เชื่อว่าจะมีโรงงานที่ผลิตเพื่อการส่งออกปิดกิจการ และทำให้แรงงาน พนักงาน ต้องตกงาน ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นปัญหาแล้ว หลายบริษัทเริ่มลดเวลาการทำงาน เพื่อประคับประคองฐานะของบริษัท รวมถึงธุรกิจการเกษตร ซึ่งจะได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าปี 2540 เพราะขณะนี้ราคาสินค้าเกษตรปรับลดลง ราคาข้าวจาก 1,000 ดอลลาร์ต่อตัน เหลือ 600 ดอลลาร์ต่อตัน สวนทางกับราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้นเมื่อปี 2540 และเห็นว่าการที่รัฐบาลรับจำนำข้าวเป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้น และเป็นการใช้ภาษีประชาชนที่สิ้นเปลืองที่สุด เพราะรัฐบาลจะเก็บข้าวในปริมาณมากโดยไม่ได้นำมาใช้ และอาจทำให้ข้าวในสตอกเสียหาย

อย่างไรก็ตาม วิกฤติครั้งนี้ถือว่ารู้ล่วงหน้าตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2550 ซึ่งธนาคารกลางทั่วโลกก็พยายามอัดฉีดเม็ดเงินและออกมาตรการกู้วิกฤติอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงมีความเป็นห่วงเรื่องนี้น้อยกว่าเมื่อปี 2540 และจะต้องจับตาบทบาทของประเทศกลุ่ม จี 20 ที่จะมีอำนาจในการขับเคลื่อนโครงสร้างเศรษฐกิจของโลกแทน จี 7 เพราะปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปทำให้เงินทุนจากประเทศเอเชียและตะวันออกกลางเข้าไปมีบทบาทซื้อหุ้นหรือประคองสถาบันการเงินสหรัฐมากขึ้น ทำให้มีอำนาจสูงขึ้นด้วย แต่ยังเป็นห่วงว่าประเทศในยุโรปจะต้องเข้ามาอุ้มเศรษฐกิจของยุโรปตะวันออกที่กำลังมีปัญหาในขณะนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า เงินยูโรอาจจะอยู่ไม่ได้ และต้องเตรียมรับมือกับลัทธิกีดกันทางการค้า โดยเฉพาะจากสหรัฐ เพราะสหรัฐต้องการลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เพื่อลดปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น