xs
xsm
sm
md
lg

เต้าทึง “ชาววัง” เจ้าดังประชานิเวศน์ ชูเมนูดับร้อน เพื่อสุขภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจที่ถาโถมเข้าใส่ ส่งให้ธุรกิจจำนวนมากประสบปัญหาขาดทุนบางรายถึงขั้นเลิกกิจการ แต่ยังมีอีกธุรกิจหนึ่งที่โหนกระแสเศรษฐกิจ นั่นคือ ร้านขายน้ำเต้าทึง เต้าฮ่วย ชื่อว่า “ร้านชาววัง” ธุรกิจเล็กพริกขี้หนู ใช้ข้อได้เปรียบด้านต้นทุนที่ต่ำ กำไรต่อหน่วยสูง แถมยังเป็นเมนูดับร้อน และมีประโยชน์ทางโภชนาการ ซึ่งผู้บริโภคให้การตอบรับอย่างสูง
ณัชญาณ มาฆลักษณ์
ณัชญาณ มาฆลักษณ์ เจ้าของร้านชาววัง อดีตผู้ผลิตเซรามิคสำหรับตกแต่งบ้าน และเจ้าของโรงเรียนสอนขับรถ เล่าว่า เดิมทำธุรกิจผลิตและออกแบบเซรามิคตกแต่งบ้าน หรือที่เรียกว่าเซรามิคจิตกรรมฝาผนังลายไทย และของที่ระลึกเน้นวัฒนธรรมไทย รวมทั้งเปิดโรงเรียนสอนขับรถด้วย แต่ต้องประสบปัญหาขาดทุนเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโรงเรียนสอนขับรถแม้จะมีนักเรียนมาก แต่สู้ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นทุกวันไม่ไหวเปิดเพียง 3 เดือนต้องเลิกกิจการไป ขณะที่ธุรกิจเซรามิคหยุดชะงักลง เพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นได้

“ตอนนั้นไม่รู้จะทำอะไร คิดในใจว่าต้องหารายได้เสริมมาใช้จ่ายรายวันให้ได้ มีอยู่วันหนึ่งผมไปซื้อเต้าทึงร้านประจำ เลยลองถามไปว่า อยากขายปากซอยหน้าบ้านบ้างจะสอนได้ไหม เขาก็แนะนำให้รับไปขายส่ง ผมเลยรับมาขายมาหน้าบ้านตัวเอง บริเวณปากซอยสุโขทัย 9 ควบคู่กับขายขนมจีนน้ำเงี้ยว ซึ่งบริเวณนี้จะมีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาซื้อเสื้อเหลือง ซึ่งเวลานั้นกระแสแรงมาก ประกอบกับอากาศร้อน ช่วยให้เต้าทึงและเฉาก๊วย จึงขายดีอย่างไม่น่าเชื่อ รายได้วันละ 1,200 บาท หลังกระแสเสื้อเหลืองลดลงคนก็เงียบ ผมเลยหาที่ใหม่ จนมาลงตัวที่ตลาดประชานิเวศน์ 1 อยู่จนถึงปัจจุบัน” เจ้าของร้าน เผย

ณัชญาณ เล่าต่อว่า หลังจากได้ที่ประจำบริเวณ ตลาดประชานิเวศน์ 1 แล้ว หากจะรับของมาขายอย่างเดิมคงไม่ได้เสียแล้ว เพราะมีค่าใช้จ่ายสูง เช่น ค่าเดินทาง รวมถึงปัญหาบางครั้งผู้ผลิตไม่สามารถส่งได้เพียงพอต่อความต้องการ เป็นที่มาให้ต้องตัดสินใจ ลองมาทำเองดีกว่า เพราะสามารถควบคุมการผลิตได้ และยังได้ทำธุรกิจโดยตัวเอง ดีกว่ายืมจมูกคนอื่นเขาหายใจ

นอกจากนั้น แนวคิดในการพึ่งพาตนเอง นำมาสู่ความพยายามในการสร้างแบรนด์ของตัวเองในชื่อร้านว่า “ชาววัง” ให้เป็นที่รู้จักวงกว้างขึ้น โดยขอสินเชื่อสนับสนุนเงินทุนจากเอสเอ็มอี แบงก์ เพื่อขยายธุรกิจ

เหตุที่ตั้งชื่อชาววัง เพราะตอนที่ขายหน้าบ้านถนนสุโขทัย ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการที่ทำงานอยู่ในวัง และบ้านผมอยู่ใกล้วังด้วย ดังนั้น เราเพิ่มจุดสนใจโดยใช้ชื่อ ร้านชาววัง” ณัชญาณ เผย และอธิบายต่อว่า

การพึ่งพาตัวเองด้านการผลิต เริ่มจากผลิตเต้าฮวยโดยหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต แรก ๆ ทำเองทิ้งไปเยอะ กว่าจะได้เต้าฮวยที่ดีใช้เวลาลองทำ 6 เดือน บางวันทำแข็ง บางวันอ่อนทำเสียก็ต้องทิ้ง พยายามพลิกแพลงสูตรของเองด้วย จนได้สูตรที่ลงตัว ถูกใจลูกค้า

หลังจากทำเต้าฮวยที่อร่อยและขายดีแล้วตัวต่อไปคือ เฉาก๊วย ซึ่งใช้วิธีเดิม คือ หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตและทดลองโดยใช้เทคนิคส่วนตัว ผนวกกลับการได้รับคำแนะนำจากคนใกล้ชิด

สำหรับเคล็ดลับความอร่อย เดิมนั้นการผลิตเฉาก๊วยจะใช้ก้านต้นเฉาก๊วยอย่างเดียว ซึ่งพบว่าใช้ก้านเปลืองมากแต่ได้น้ำน้อยทำให้ได้เฉาก๊วยน้อยตามไปด้วย ทางร้านชาววัง จึงผสมใบลงไป จะได้เฉาก๊วย กลิ่นหอมและมีปริมาณมากขึ้น เป็นเสน่ห์ที่ลูกค้าติดใจ นอกจากนั้น ยังมีเต้าทึง สูตรเฉพาะตัว รวมถึง บัวลอยน้ำขิงงาดำด้วย ซึ่งได้รับความนิยมไม่แพ้กัน

“ผมวางคอนเซ็ปธุรกิจนี้ให้เป็นขนมเพื่อสุขภาพ ประกอบด้วย เต้าฮวย-น้ำขิง เต้าฮวยเย็น เฉาก๊วยร้อน-เย็น บัวลอยงาดำ-น้ำขิง เต้าทึงร้อน-เย็น โบ๊กเกี้ยร้อน-เย็น หมี่หวานร้อน-เย็น และแปะก๊วยร้อน-เย็น ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย” ณัชญาณ กล่าว

ด้านรสชาติลูกค้าจะมี 2 กลุ่มที่นิยมต่างกัน มีคนเคยบอกว่า น้ำขิงไม่เผ็ด อีกกลุ่มหนึ่งบอกว่าเผ็ดไป ดังนั้น ควรทำให้รสชาติกลางมากที่สุด พร้อมกับใช้เทคนิคเข้าช่วย เช่น ถ้าต้องการเผ็ดจะใส่หวานน้อยลง เป็นต้น

สำหรับวัตถุดิบ เลือกใช้อย่างดีจากซื้อจากย่านเยาวราช คิดอยู่เสมอว่า ต้องให้ลูกค้าได้กินเหมือนกับที่สมาชิกในครอบครัวกินเอง ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค เพราะถ้าลูกค้าติดใจ จะกลับมาเป็นขาประจำ ซึ่งเป็นมากกว่ากำไรด้านเงินทอง นอกจากนั้น การผลิตต้องสะอาด โดยจะควบคุมการผลิตด้วยตัวเองทั้งหมด

จากเริ่มแรกเพียงทำเป็นอาชีพเสริม หารายได้เล็กๆ น้อยๆ ในช่วงเวลาที่ธุรกิจหลักกำลังประสบมรสุม ทว่า ปัจจุบัน รายได้จากการขายเต้าทึง เต้าฮวย และเฉาก๊วย แซงหน้าธุรกิจหลักไปหลายช่วงตัวแล้ว เหตุนี้ หันมามุ่งมั่นกับธุรกิจนี้อย่างจริงจัง และในอนาคตอยากจะต่อยอดธุรกิจสู่รูปแบบขายแฟรนไชส์อีกด้วย

“ตอนนี้ถือว่าเป็นธุรกิจหลักแล้วเป็นธุรกิจที่ความเสี่ยงน้อย เนื่องจากมีต้นทุนไม่สูงมาก ต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้แต่ละวันประมาณ 1,000 บาท เมื่อเทียบส่วนต่างระหว่างต้นทุนและกำไร ต้นทุนอยู่ 60% กำไร 40% ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับธุรกิจตัวอื่นในช่วงเศรษฐกิจขาลง”

สำหรับแผนในอนาคตจะทำเป็นแฟรนไชส์เน้นสร้างงานให้คนที่ทุนน้อยมีธุรกิจเป็นของตนเอง พร้อมกับขยายสาขาเพิ่มอีก 2 สาขา โดยมองทำเลไว้ตลาด อตก. จตุจักร และย่านธุรกิจซอยอารีย์ เป็นต้น

****************************************

โทร. 084-076-9696 หรือ 02-243-0191
กำลังโหลดความคิดเห็น