กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รอรัฐมนตรีคนใหม่ ขออนุมัติ 230 ล้านบาทจากสสว. สานต่อโครงการลดต้นทุนผู้ประกอบการ 5 หมื่นราย เผยงานแรกที่เป็นการทำงานร่วมกันของ 4 หน่วยงานหลักส่งเสริมเอสเอ็มอี ชี้ผลกระทบเศรษฐกิจสหรัฐยันกระทบส่งออกเอสเอ็มอีเพียงเล็กน้อย
นายปราโมทย์ วิทยาสุข อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงการปรับเปลี่ยนโฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่ ว่า ในส่วนโครงการที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รับผิดชอบในหลายโครงการต้องหยุดและชะลอออกไป เพื่อขออนุมัติงบประมาณจากรัฐมนตรีที่จะเข้ามารับผิดชอบ ซึ่งบางโครงการเป็นโครงการที่ดี แต่เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐมนตรี ส่งผลให้ต้องหยุดและชะลอออกไป
ทั้งนี้ ล่าสุดทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการนำโครงการลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการจำนวน 50,000 ราย ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดขึ้นในช่วงของนายสุวิทย์ คุณกิตติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ได้ดำเนินการไว้ โดยได้มีการอนุมัติและเห็นชอบจากบอร์ดคณะกรรมการชุดใหญ่ของกระทรวงอุตสาหกรรมไปแล้ว เพียงแค่รอการขออนุมัติงบประมาณจากรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเข้ามารับตำแหน่ง
โดยงบประมาณในโครงการดังกล่าว เป็นงบที่ต้องเบิกจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. จำนวน 230 ล้านบาท ซึ่งในขณะนี้รอการตั้งคณะกรรมการบอร์ดของสสว.ด้วย โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่ส่งเสริมเอสเอ็มอี ทั้ง 4 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ
สำหรับโครงการดังกล่าว ได้มีการประชุมในหลักการ ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ประมาณ วันที่ 20 พฤศจิกายน นี้ โดยจะมีการจัดสัมมนาใน 50 จังหวัด ด้วยระบบการประชุมทางไกลทางจอภาพผ่านดาวเทียมและมีการแจกใบสมัครไปตามจังหวัดต่างๆ เพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการในครั้งแรก 5,000 ราย
ในส่วนของผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วงที่ผ่านมา จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออกสินค้าไปสหรัฐอเมริกาของเอสเอ็มอี ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกประมาณ 20% ของยอดการส่งออกทั้งหมด ซึ่งปีนี้ยอดการส่งออกไปสหรัฐอาจจะหายไป บางส่วนแต่ไม่ทั้งหมด โดยภาพรวมถือว่าไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ซึ่งโครงการต่างๆ ที่กรมฯ ดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่องเข้ามาช่วยตรงจุดนี้ได้ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาขีดความสามารถผู้ประกอบการ หรือ โครงการลดต้นทุนผู้ประกอบการ 5 หมื่นราย จะสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน