เอสเอ็มอีแบงก์ แนะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีชะลอการสต๊อกสินค้า หวั่นผู้บริโภคออมเงิน งดการใช้จ่าย เสนอปรับปรุงประสิทธิภาพ เพื่อการลดต้นทุนเป็นทางออกที่ดีที่สุด พร้อมรับที่ผ่านมาเก็บเงินจากลูกหนี้ยากขึ้น ชี้เหตุต้องซื้อวัตถุดิบด้วยเงินสดเท่านั้น ส่งผลขาดสภาพคล่องกระทบเอสเอ็มอีไทย
นายสุรชัย กำพลานนท์วัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสหากิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) กล่าวว่า ในช่วงที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น ค่าครองชีพแพง ต้นทุนด้านต่างๆปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องเผชิญปัญหาหนัก 2 ด้านเข้ามารุมเร้าทั้งด้านต้นทุนและการชะลอการบริโภคของประชาชน ทำให้ยอดขายลดลงไปด้วย ดังนั้นผู้ประกอบการต้องหันมาปรับปรุงประสิทธิภาพด้านต้นทุน ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นหรือยอมตัดบางส่วนเพื่อรักษาต้นทุนส่วนที่จำเป็นไปก่อน เช่น การทบทวนดูเส้นทางการขนส่งเพื่อประหยัดน้ำมัน การยอมตัดสาขาที่ไม่ทำรายได้ การทบทวนสินค้าบางรุ่นบางรายการที่ผลิตออกมาแล้วขายไม่ออกให้ชะลอผลิตออกไปก่อน การสต็อกสินค้าให้ลดระยะเวลาสั้นลงและลดปริมาณสต็อกให้ลดลง หากยังผลิตเท่าเดิมแต่สินค้าขายไม่ออกจะทำให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มสูงขึ้นหากยังผลิตสินค้าปริมาณเท่าเดิมในสต็อก
ทั้งนี้ ยอมรับว่าบัญชีลูกหนี้การค้า ซึ่งเป็นการให้ระยะเวลาจ่ายเงินกับผู้ซื้อสินค้าขณะนี้เริ่มตามเก็บเงินลำบาก และต้องมีการซื้อสินค้าเป็นเงินสดมากขึ้น จึงกระทบต่อเอสเอ็มอีมาก และหากลูกค้ารายใดเริ่มมีปัญหาหนี้กับสถาบันการเงินต่างๆ เพราะรายได้เข้ามาไม่เท่าเดิมจนชำระหนี้ไม่ทันให้รีบติดต่อเจ้าหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ยืดระยะเวลาการชำระหนี้ หรือผ่อนรายงวดน้อยลง เพื่อไม่ให้ประวัติลูกหนี้มีปัญหาและส่งผลต่อการขอสินเชื่อเพิ่มเติม ดังนั้นเอสเอ็มอีแบงก์จึงได้มีโครงการช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการรถบรรทุกเพื่อปรับเปลี่ยนเป็นเครื่องเอ็นจีวี คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ระยะเวลาผ่อนชำระนานถึง 7 ปี ซึงจะทำให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนพลังงานได้มากขึ้น