สถาบันอาหาร จี้ทุกภาคส่วนแก้ปัญหาความไม่ปลอดภัยอาหาร แนะผู้ประกอบการควบคุม การผลิตอย่างถูกสุขลักษณะใช้ Food hygiene ตั้งแต่ระดับฟาร์มถึงมือผู้บริโภค พร้อมดันนโยบายมุ่งเน้นให้ผู้ผลิตเห็นความสำคัญความปลอดภัยของอาหาร ระบุในแต่ละปีบริษัทต่างๆ สูญเสียงบฯ ตรวจสอบวิเคราะห์อาหารกว่า 15-20% คาด ปี 2010 ค่าใช้จ่ายในการวิเคราะห์และทดสอบอาหารจะเพิ่มสูงถึง 1.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผอ.สถาบันอาหาร เปิดเผยว่า วิกฤตด้านความปลอดภัยอาหารยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่หลายประเทศให้ความสนใจและเร่งดำเนินนโยบายเพื่อหาแนวทางป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับความมั่นคงทางด้านอาหาร โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจของโลกกำลังเผชิญกับสภาวะขาดแคลนวัตถุดิบผลิตอาหาร ปัญหาที่เกิดจากความไม่ปลอดภัยอาหารจึงเป็นนโยบายสำคัญที่แต่ละประเทศเร่งผลักดันให้เกิดขึ้นและประกาศใช้ได้ทันท่วงที โดยมุ่งหวังที่จะลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น โดยในแต่ละปีบริษัทต่างๆ ต้องสูญเสียงบประมาณเพื่อใช้ในการตรวจสอบวิเคราะห์อาหารมากกว่าร้อยละ 15-20 ของงบประมาณทั้งหมดในบริษัท ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทชั้นนำในการวิเคราะห์อาหารที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก คาดว่าค่าใช้จ่ายสำหรับการวิเคราะห์และทดสอบอาหารจะเพิ่มสูงถึง 1.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2010 ซึ่งถือว่าเป็นความสูญเสียมูลค่ามหาศาล
ทั้งนี้ ผอ. สถาบันอาหาร กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขในเรื่องนี้ว่า ควรเริ่มตั้งแต่การควบคุมการผลิตอย่างถูกสุขลักษณะ ใช้ Food hygiene เข้ามาควบคุมอย่างเข้มงวดตั้งแต่ระดับฟาร์มจนถึงมือผู้บริโภค เช่นการนำระบบมาตรฐานต่างๆ มาใช้กับสินค้านำเข้า แม้ว่ามาตรฐานส่วนใหญ่เป็นของเอกชนที่มีค่าใช้จ่ายในการตรวจประเมินค่อนข้างสูงแต่เป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ในปัจจุบันมีมาตรฐานความปลอดภัยอาหารระดับโลก(Global Food Safety Initiative: GFSI) โดยสมาชิกที่เข้าร่วมเช่น ห้างค้าปลีกต่างๆ จะยอมรับสินค้าที่ได้รับมาตรฐาน BRC, Dutch HACCP, IFS (International Food standard) และ SQF (Safe Quality Food) ตามเอกสารแนวทางที่ GFSI กำหนดไว้ ซึ่งจะช่วยลดความซับซ้อนในการตรวจประเมินของผู้ผลิตและช่วยให้การบริหารจัดการด้านการผลิตและความปลอดภัยอาหาร ตลอดจนเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของสินค้าได้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังต้องผลักดันในระดับนโยบาย มุ่งเน้นให้ผู้ผลิตเห็นความสำคัญของความปลอดภัยของอาหาร โภชนาการรวมทั้งสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันต่อผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สามารถนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาช่วยแก้ปัญหาความปลอดภัยในอาหารได้อย่างเหมาะสม และยอมรับการใช้มาตรฐานเดียวกัน