เอเจนซี-องค์การโลกบาลด้านสุขอนามัย และเด็ก “ฮู” และยูนิเซฟ ออกโรงแถลงการณ์ร่วมในวันพฤหัสฯ(25 ก.ย.) ครวญกรณีอื้อฉาวนมปนเปื้อนสารเมลามีนของจีน “น่าเศร้าสลด” ขณะที่ชาติเอเชียและยุโรป แห่ร่วมขบวน ห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์นมจากจีนอย่างไม่ขาดสาย หลังจากที่กว่า 10 ประเทศ ได้สั่งห้ามหรือไม่ก็ออกมาตรการอื่นๆเพื่อหยุดยั้งการบริโภค
ด้านปักกิ่งสู้ศึกกู้หน้าอีกคำรบ ท่ามกลางกระแสตื่นอันตรายในสาธารณชน และความตกตะลึงของนานาชาติ เมื่อรับรู้ข่าวเด็กจีนเกือบ 13,000 คน เข้าโรงพยาบาล ด้วยอาการนิ่วในไต ที่ปกติไม่เกิดในทารกและเด็กเล็กได้ง่ายๆ เด็กๆเหล่านี้เกิดอาการดังกล่าว หลังจากดื่มนมผงปนเปื้อนเมลามีน สารเคมีที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมราคาถูกๆ ที่สามารถหลอกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพ
“ความจงใจใส่สารอันตรายในอาหารของทารกแบเบาะและเด็กน้อยนั้น น่าสลดใจอย่างยิ่ง” แถลงการณ์ร่วมขององค์การอนามัยโลก (ฮู) และองค์การคุ้มครองเด็กสากล (ยูนิเซฟ)
อย่างไรก็ตาม องค์โลกกบาลด้านสุขภาพอนามัย และเด็กเล็กทั้งสอง ก็แถลงว่าถึงแผนยกเครื่องความปลอดภัยอาหารของจีน ที่จะป้องกันกรณีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยความปลอดภัยอาหารซ้ำแล้วซ้ำอีก “เราเชื่อมั่นว่าจีนจะออกมาตรการที่มีประสิทธิภาพ และดำเนินการอย่างฉับพลัน เพิ่มการตรวจสอบความปลอดภัยอาหาร โดยเฉพาะอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก”
ทั้งนี้ ในปี 2007 จีนโดนมรสุมข่าวอื้อฉาวคุณภาพและความปลอดภัยสินค้าโจมตีอ่วม ทั้งของเล่นเคลือบสีพิษ ยาสีฟันมีสารไดเอทธิลีน ไกลคอลมากเกินถึงขีดอันตราย สารประกอบยา และสารประกอบในอาหารสัตว์ ที่เป็นอันตรายถึงชีวิต มาถึงกรณีเลวร้ายสุดคือนมผงที่คร่าชีวิตเด็กทารกไปอย่างน้อย 4 คน และเหยื่อที่ล้มป่วยทั้งกลุ่มที่เข้าโรงพยาบาลและกลุ่มที่มีอาการป่วยไม่มากก็น้อย รวมทั้งสิ้น กว่า 53,000 คน จากตัวเลขทางการจีนที่เปิดเผย
พร้อมกันนี้ ฮู และยูนิเซฟ ยังเรียกร้องให้แม่ๆชาวจีน หันมาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากขึ้น ขณะที่การพัฒนาความทันสมัยของจีน ทำให้บรรดาแม่แม่ในชนบทจีนต้องทำงานนอกบ้านหรือกลายเป็นแรงงานอพยพ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในครอบครัวชนบทจีน จึงเป็นไปได้ยากและยิ่งน้อยลงทุกวัน อีกทั้งด้วยฐานะเศรษฐกิจยากจน จึงต้องหันมาใช้นมผงยี่ห้อ “เมด อิน ไชน่า” ที่ถูกกว่า ดังกรณีอื้อฉาวนมผงเมลามีนครั้งนี้ เด็กๆที่ตกเป็นเหยื่อเกือบทั้งหมดอยู่ในเขตชนบท
ห้ามและเรียกคืนผลิตภัณฑ์นมจีน ยังไม่ซา
แม้จีนได้ออกมารับรองผลิตภัณฑ์นมปลอดภัยแล้ว แต่กระแสห้ามและเรียกคืนสินค้าจีนก็ยังผุดขึ้นมาไม่ขาดสาย
ในยุโรป ฝรั่งเศสได้ห้ามผลิตภัณฑ์ทุกประการที่มีส่วนผสมนมจากจีนเพื่อเป็นมาตรการระวังล่วงหน้า นอกจากนี้ ยังเป็นที่ลุ้นกันว่า ภายในสัปดาห์นี้ สำนักงานความปลอดภัยอาหารแห่งยุโรปจะประกาศหรือไม่ว่า “ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปที่มีส่วนผสมนมจีน” มีความเสี่ยง
ด้านเอเชีย เวียดนาม และเนปาล ได้ระงับการขายผลิตภัณฑ์นมทั้งหมดที่มาจากจีน และยังได้ออกมาตรการทดสอบสินค้านำเข้าประเภทนี้ด้วย
ล่าสุด ในวันพุธ(24 ก.ย.) เกาหลีใต้ก็ได้เริ่มเรียกคืนสินค้าที่มีสารเมลามีน หลังจากที่สำนักงานอาหารและยา พบคุกกี้ทำจากข้าวปนเปื้อน ขณะที่ทางสิงคโปร์ตื่นตัว ทำการทดสอบสารเมลามีนในผลิตภัณฑ์มากกว่า 5 ชนิด รวมทั้งผลิตภัณฑ์นมยี่ห้อ Dutch Lady
ด้านยักษ์ใหญ่อาหาร Kraft Foods ซื้อโฆษณาเต็มหน้าในหนังสือพิมพ์ Straits Times ประกาศรับรองว่า ขนม “โอริโอ” ของบริษัท ปลอดภัยไร้สารประกอบนมจากจีน
ส่วนยักษ์กาแฟโลก Starbucks ประกาศว่าขณะนี้ทางร้านกาแฟ 55 แห่งในเขตภาคใต้จีน ได้เปลี่ยนมาใช้นมสดจากซับพลายเออร์ฮ่องกง แทนนมจากแผ่นดินใหญ่
โละแล็บทดสอบอาหาร พร้อมอุปกรณ์เก่าร่วม 10 ปี
หน่วยควบคุมคุณภาพ จีน ออกประกาศผ่านเว็บไซต์ (www.aqsiq.gov.cn) ว่าจากการทดสอบตัวอย่างผลิตภัณ์นมและโยเกิร์ต 235 ชิ้น ที่ผลิตตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน เป็นต้นมา และวางจำหน่ายทั่วประเทศนั้น ไม่มีร่องรอยสารพิษเมลามีน
ในวันพฤหัสฯ (25 ก.ย.) จีนประกาศโครงการใหญ่ ปรับปรุงความปลอดภัยอาหาร โดยรัฐบาลจะจัดตั้งกลุ่มปฏิบัติงานในทุกมณฑล พร้อมปฏิบัติการฉับพลันโละศูนย์ทดสอบอาหารที่มีเครื่องมืออุปกรณ์ร้อยละ 50 เก่าล้าสมัยใช้มาเกือบ 10 ปีแล้ว และจัดตั้งศูนย์ใหม่ขึ้นมาแทนที่
“เราสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบสินค้าใหม่ร่วม 400 แห่งภายใน 2 ปี ในจำนวนนี้ 80 แห่ง เป็นศูนย์ทดสอบอาหาร” โหว หลิงหลิน เจ้าหน้าที่อาวุโสของหน่วยเฝ้ามองคุณภาพจีนกล่าวในที่ประชุมความปลอดภัยอาหารในปักกิ่ง
ด้านรัฐบาลท้องถิ่น ก็สัญญาว่าจะอุดหนุนเกษตรกรวัวนม เพื่อลดค่าใช้การเลี้ยงวัวแก่เกษตรกร
นายกฯมังกร “กลุ้มใจมาก”
เวิน เจียเป่ากล่าวในวันอังคาร (23 ก.ย.)ที่นิวยอร์ก ระหว่างที่เดินทางไปเป็นประธานสมาคมมิตรภาพจีน-อเมริกา ว่าเขาเสียใจอย่างยิ่งต่อกรณีอื้อฉาวนมผงปนเปื้อน แต่ที่สำคัญกว่านี้คือ เหตุอื้อฉาวส่งผลร้ายต่อสังคมอย่างหนักนี้ จะเป็นบทเรียนของรัฐบาล
รมต.สาธารณสุขไต้หวันเจอพิษนมเมลามีนขอลาออก
วานนี้ (25 ก.ย.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของไต้หวันได้ยื่นเรื่องขอลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีพบนมผง 25 ตันจากแผ่นดินใหญ่เจือปนสารพิษเมลามีนถูกนำเข้ามาจำหน่ายในไต้หวัน ในขณะเดียวกันเขาก็กำลังเผชิญกระแสสังคมโจมตี หลังจากก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาประกาศอนุญาตให้จำหน่ายผลิตภัณฑ์นมของจีนที่มีปริมาณสารเมลามีนในระดับต่ำได้ โดยปรับเพิ่มเพดานสารเมลามีนจาก 0 มาเป็น 2.5 ส่วนต่อล้านส่วน (ppm.)
โดยเขาให้เหตุผลต่อการตัดสินใจดังกล่าวว่า มันเป็นมาตรฐานเดียวกับคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ และฮ่องกง โดยที่ผ่านมาไต้หวันไม่มีมาตรฐานการทดสอบสารเมลามีนมาก่อน เนื่องจากไม่ใช่สารปรุงแต่งในอาหาร
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานแน่ชัดว่า หนังสือยื่นขอลาออกของเขาได้รับการอนุมัติแล้วหรือไม่
ทั้งนี้ ปัจจุบันไต้หวันห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์นมและครีมเทียมจากจีน พร้อมทั้งสั่งให้ร้านค้ากวาดสินค้าที่เหลืออยู่ทั้งหมดลงจากชั้นวางหลังจากมีข่าวพบอาหารปนเปื้อนสารเมลามีนเพิ่มขึ้น