พื้นที่ชั้นล่างของอพาร์ตเม้นต์ เพียงเล็กน้อย เน้นขายอาหารตามสั่งให้กับผู้พักอาศัย กลับกลายเป็นร้านอาหารอีกหนึ่งทางเลือกให้กับเหล่าข้าราชการ พนักงานออฟฟิศ ในย่านวัดตรีทศเทพ เขตพระนคร ด้วยการชูเมนูแปลก “ส้มตำหลอด” รสชาติจัดจ้าน สมชื่อร้าน “ครัวจัดจ้าน” เป็นที่ถูกอกถูกใจลูกค้าที่ได้ลิ้มลองอาหารแปลกใหม่ ซึ่งต่อยอดมาจากเมนูส้มตำที่ตนเองคุ้นเคย
นายสุรชัย มณีรัตนะพร เจ้าของร้าน “ครัวจัดจ้าน” ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างของ พรีเมียร์ ลีฟวิ่ง เพลส เล่าว่า ธุรกิจนี้เป็นความฝันของตนเอง ตั้งแต่สมัยเรียนในระดับอุดมศึกษา โดยจบมาทางด้านเทคโนโลยีการอาหาร (Food Science) จนกระทั่งโอกาสมาถึง ได้ประเดิมเปิดร้านอาหารเล็กๆ ที่ชั้นล่างของอพาร์ทเม้นต์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของครอบครัว โดยตั้งใจจะเปิดให้บริการลูกค้าที่มาพัก และลูกค้าทั่วไปในละแวกใกล้เคียงด้วย ดังนั้นการหาจุดขายให้กับร้าน จึงถือเป็นสิ่งสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจ
“เมื่อผมคิดที่จะเปิดร้านอาหารอย่างจริงจัง ทำให้ต้องพยายามหาเมนูเพื่อสร้างจุดขายและความแตกต่าง จึงได้นำเอาความรู้ด้านเทคโนโลยีการอาหารเข้ามาใช้ เน้นการนำเมนูอาหารพื้นฐานที่ผู้คนรู้จักกันเป็นอย่างดีมาประยุกต์ อย่าง ส้มตำ เมนูยอดฮิตที่สามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย แถมมะละกอยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะช่วยสร้างความสมดุล และมีไฟเบอร์สูง โดยนำมาทำเลียนแบบก๋วยเตี๋ยวหลอดที่ได้นำเส้นก๋วยเตี๋ยวมาห่อกับเส้นมะละดิบ และแครอท เพื่อเพิ่มสีสัน พร้อมน้ำส้มตำไทยรสจัดจ้านราดลงบนส้มตำหลอด ตัดเป็นชิ้นๆ เมื่อรับประทานจะรู้สึกได้ถึงความแปลกใหม่ จากการรับประทานส้มตำแบบเดิม”
นอกจากนี้ยังได้คิดเมนูใหม่ๆ เพื่อใช้เป็นเมนูชูโรงให้กับร้านครัวจัดจ้าน เช่น หมูสะดิ้ง เมี่ยงปลาช่อน ต้มแซบเอ็นหมู และปีกไก่ทอด ที่ลูกค้ามักสั่ง เพื่อรับประทานคู่กับส้มตำหลอด ส่วนเมนูอื่นๆ จะเน้นที่รสชาติเข้มข้น แบบฉบับอาหารไทย แต่จะไม่เผ็ดมาก ขึ้นอยู่กับลูกค้าสั่งทำ ในขณะที่รสเปรี้ยว หวาน จะเข้มข้น แม้สั่งอาหารให้ลดความเผ็ดลงก็ตาม
ขณะนี้ร้านครัวจัดจ้าน ที่เน้นอาหารไทยๆ มีประมาณ 100 เมนู ให้ลูกค้าเลือกรับประทาน ทั้งอาหารจานเดียว และกับข้าวรสกลมกล่อม ซึ่งบางเมนูก็ได้การนำอาหารไทยมาดัดแปลงอีกด้วย เพื่อสีสันให้กับเมนูอาหาร ส่วนราคาอาหารนั้น ถือว่าราคาไม่แพง เป็นราคามาตรฐานที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ส่วนกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการ และพนักงานออฟฟิศในละแวกใกล้เคียง ที่ต้องการหลบร้อนในช่วงกลางวันมารับประทานอาหารในห้องแอร์เย็นๆ แต่ราคาเทียบเท่าร้านอาหารทั่วไป
“ในเรื่องของราคาอาหารก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญ คือเราจะไม่เน้นราคาที่สูงเกินไปนัก เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มเข้าถึงได้ ซึ่งการที่เราสามารถทำราคาที่ถูกได้นั้น เพราะเราลดต้นทุนในเรื่องของพนักงาน แม่ครัว (พี่วัฒนา ศิลปดนตรี) และสถานที่ ลงไปได้ คือไม่ต้องเสียเช่าที่ ส่วนพนักงานในร้านก็จะมีญาติกันมาช่วยเหลือ ทั้งฝ่ายครัว และการต้อนรับลูกค้า ดังนั้นทำให้เราสามารถขายอาหารในราคาที่ถูกกว่าเจ้าอื่นได้ ส่งผลให้จากลูกค้าขาจร กลายมาเป็นขาประจำ จนถึงทุกวันนี้ ที่ติดใจในรสชาติ ราคา และบรรยากาศ ของร้านที่เป็นกันเอง เหมือนทานข้าวที่บ้าน”
นอกจากนี้นายสุรชัย ยังได้ให้คำแนะนำ สำหรับผู้ที่คิดจะเปิดร้านอาหารว่า ต้องหาจุดขายที่แตกต่างจากร้านอื่นให้ได้ เพื่อดึงดูดลูกค้า อย่างส้มตำหลอดที่เพียงปรับรูปลักษณ์ ก็ขายได้แล้ว และขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยาก แต่เจ้าของร้านต้องใส่ใจในเรื่องวัตถุดิบ เช่น มะละกอ ต้องแช่เย็น เพื่อคงความกรอบ ส่วนเส้นก๋วยเตี๋ยวก็ต้องสดใหม่ ในขณะที่นำส้มตำที่ร้านที่เคี่ยวน้ำตาลปีบผสมน้ำตาลทรายเอง และกุ้งแห้ง กับ ถั่วลิสง จะต้องคั่วใหม่ทุกวัน เพียงแต่นี้ก็สามารถทำส้มหลอดเป็นอาชีพได้แล้ว สำหรับผู้ที่คิดจะทำส้มตำหลอดขายอย่างจริงจัง
***สนใจติดต่อ 08-1010-9724, 08-9510-6507 เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. ***