เปลนอน ของใช้เป็นภูมิปัญญาดังเดิมที่แม้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน การใช้เปลนอนก็อยู่คู่คนไทยทุกยุคทุกสมัย จะมีการปรับรูปแบบไปบ้าง ก็เพียงรูปร่างลักษณะของเปลให้เหมาะสมกับบ้านในยุคสมัยปัจจุบัน และสำหรับเปลนอนผ้าฝ้าย ผลงานการออกแบบและดีไซน์ โดย นางสาวดารณี ถายะพิงค์ เจ้าของร้านบุญเมืองผ้าฝ้าย ทายาทรุ่นที่ 2 ที่มารับมรดกสืบทอดโรงทอผ้าฝ้ายต่อจากผู้เป็นมารดา
และการเข้ามารับหน้าที่ในการดูแลกิจการต่อจากครอบครัวในครั้งนี้ เป็นจุดเปลี่ยนของฝ้ายบุญเมือง ทั้งรูปแบบและดีไซน์ เพราะได้มีการปรับรูปแบบให้ดูทันสมัย และดึงข้อดีของเส้นใยผ้าฝ้ายที่มีความนุ่มและฟู มาใช้เป็นเทคนิคการทอรูปแบบใหม่ให้เส้นใยฟูขึ้นมา เกิดเทคเจอร์ของเส้นใยฝ้ายที่ดูนุ่ม สร้างจุดขายที่แตกต่างจากงานผ้าฝ้ายทั่วไป ล่าสุด “ดารณี” ได้นำรูปแบบของงานทอที่โชว์เส้นใยฝ้ายที่ฟูนุ่มออกมาใช้กับงานดีไซน์ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ อย่างเปลนอน เฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้านที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ชื่นชอบการแต่งบ้านแนวโมเดิร์น
ดารณี เล่าว่า บุญเมืองผ้าฝ้าย เป็นธุรกิจของครอบครัว ที่ทำมานานกว่า 30 ปี โดยมีแม่บุญเมืองเป็นผู้บุกเบิกก่อตั้งกิจการโรงทอผ้าฝ้ายขึ้นมา เริ่มจากธุรกิจคครอบครัวเล็กๆ ทอผ้าคลุมเตียง พรมเช็ดเท้า พรมปูพื้น และมีสินค้าที่หลากหลายมากขึ้นตามความต้องการของลูกค้า อาทิ ผ้าพันคอ ผ้าปูโต๊ะ ผ้าม่าน ปลอกหมอน ฯลฯ หรือแล้วแต่ว่าลูกค้าต้องการอะไร เราสามารถทอให้ได้ทั้งหมด
ส่วนเปลนอนเป็นชิ้นงานใหม่ล่าสุด ที่ทำออกมาเพราะเล็งเห็นว่าปัจจุบันเปลนอนกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มของคนแต่งบ้านในสไตล์โมเดิร์น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งแนวคิดและเป็นที่มาของเปลนอนในครั้งนี้ ก็มาจากขนปุยและนุ่มของฝ้าย ทำให้นึกถึงรังนก การออกแบบเปลจึงได้คอนเซ็ปต์ของรังนก
โดยกลุ่มลูกค้าของเปลนอนผ้าฝ้าย เน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่ทำธุรกิจด้านรีสอร์ต หรือ โรงแรม ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งราคาของเปลนอนไม่รวมโครงเหล็ก อยู่ที่ผืนละ 1,200 บาท ราคาของเปลจะไม่สูงมาก แต่จะแพงอยู่ที่โครงเหล็ก ซึ่งมีราคาสูงเพราะต้องสั่งทำพิเศษไม่สามารถควบคุมราคาได้ ในช่วงต้นนี้ ยังไม่ได้ทำโครงเหล็กขาย จะขายเฉพาะเปลนอน
สำหรับฝ้ายที่นำมาใช้ แต่เดิมเป็นเส้นใยฝ้ายที่สามารถหาได้ในพื้นที่ จังหวัดลำพูน จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อมาได้มีการนำเส้นใยฝ้ายที่เรียกว่า เลยอง เป็นฝ้ายใยสังเคราะห์เข้ามาใช้ร่วมด้วย เพราะเลยอง เป็นเส้นใยฝ้ายสังเคราะห์ที่มีความมันเงา ช่วยให้ชิ้นงานออกมามีความมันและเงา ต่างจากฝ้ายธรรมชาติที่จะมีสีด้านๆ แต่ผ้าฝ้ายเลยองจะมีราคาสูงกว่าฝ้ายตามธรรมชาติ ปัจจุบันลูกค้าจะชื่นชอบชิ้นงานที่ทำจากฝ้ายเลยองมากกว่าเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ จุดเด่นของผ้าเลยองมีสีให้เลือกทุกเฉดสี
การทอผ้าฝ้ายในแบบใหม่ที่เป็นขนปุย ทางบุญเมืองผ้าฝ้ายทอมาได้ระยะหนึ่ง ซึ่งการทอในลักษณะดังกล่าวได้ไอเดียมาจากนิตยสารต่างประเทศ และนำกลับมาทดลองทำดูบ้าง พอทำออกขายปรากฎว่าลูกค้าให้การตอบรับดีมาก เริ่มจากการทำพรมปูพื้น หมอน พรมเช็ดเท้า ซึ่งงานทอผ้าฝ้ายแบบขนปุย ราคาจะสูงกว่า การทอผ้าฝ้ายแบบธรรมดามาก เช่น พรมเช็ดเท้า ทอแบบธรรมดา ราคา 70 บาท ถึง 130 บาท แต่เมื่อทอแบบขนปุย ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 180 บาท ถึง 250 บาท ส่วนพรมปูพื้นขนาด 1x1.5 เมตร ราคาเดิมผืนละ 950 บาท พอเป็นการทอแบบขนปุย ราคาเพิ่มเป็น 1,500 บาท
อย่างไรก็ตามแม้ว่า ผ้าฝ้ายที่ทอแบบขนปุยจะเป็นที่ต้องการของตลาด แต่ในส่วนผู้ทอผ้าฝ้ายขายก็ไม่นิยมทอในลักษณะดังกล่าว เนื่องจากเป็นการทอที่ยุ่งยาก และเสียเวลามาก ที่สำคัญเปลืองเส้นใยมากกว่าการทอปกติ ชาวบ้านจึงเลือกทอแบบเดิมเพราะได้ปริมาณมากกว่า ประกอบกับชาวบ้านจะไม่ค่อยดีไซน์รูปแบบใหม่ ต่างจากเราซึ่งจะมีดีไซน์ใหม่ออกมาให้ลูกค้าได้เลือกตลอดเวลา จึงสามารถมัดใจลูกค้าให้เป็นลูกค้าประจำกันตลอด
ปัจจุบันสัดส่วนการขายของเราจะเป็นลักษณะของการขายส่ง โดยมีพ่อค้าคนกลางมารับสินค้าไปจำหน่าย ในสัดส่วน 60% ถึง 70% และขายปลีกเพียง 30% ถึง 40% ร้านที่รับไปจำหน่ายประจำมีที่สวนจตุจักร และตามศูนย์การค้า ส่วนขายปลีกจะมีโชว์รูม อยู่ที่หน้าบ้าน ที่อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ได้กลุ่มนักท่องเที่ยว แวะเวียนเข้ามาเลือกซื้อสินค้าที่บ้าน เพราะแบรนด์ “บุญเมืองผ้าฝ้าย” ที่สั่งสมมานานกว่า 30 ปี ช่วยต่อยอดธุรกิจให้ทายาทสามารถขยายตลาดได้ง่ายขึ้น
สนใจโทร. 053-520-517