xs
xsm
sm
md
lg

"ยิ่งเฮง พรีเมี่ยมสะเต๊ะ" ยกระดับธุรกิจ จากตลาดนัดสู่ห้างหรู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ด้วยความสามารถของ “สิริพัฒนา แสงเดือน” คนหนุ่มรุ่นใหม่ ต่อยอดธุรกิจขายหมูสะเต๊ะในตลาดนัดของครอบครัว สู่การขายในห้างหรูระดับประเทศ มีจุดเด่นที่ตัวผลิตภัณฑ์หลากหลายกว่า 40 รายการ ช่วยเพิ่มรายได้และเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า


สิริพัฒนา แสงเดือน ทายาทที่มาช่วยสานต่อธุรกิจหมูสะเต๊ะของครอบครัวที่พ่อแม่ทำมานานนับสิบปี บอกว่า จากการที่อยากทำอะไรเพื่อครอบครัวอยู่แล้ว และภูมิใจกับธุรกิจที่พ่อแม่ทำอยู่ จึงยอมเบนเข็มจากการเป็นสถาปนิกดีกรีระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และการเป็นลูกจ้างบริษัทดังระดับอินเตอร์อย่าง Palmer & Turner มาสร้างทิศทางและเป้าหมายใหม่ให้ธุรกิจของครอบครัว ซึ่งแต่เดิมมีตลาดแค่เพียงขายในตลาดนัด มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนทำงานออฟฟิศในย่านอโศก ต่อยอดสู่สินค้าระดับพรีเมียมขายลูกค้าเกรดเอ

เขา เล่าว่า ก่อนจะหันมาเป็นผู้ประกอบการ ทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ 2 ปี จนจุดหนึ่ง มีแนวคิดว่า อยากมาเป็นผู้ประกอบการดีกว่า ซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทาย ดีกว่าเป็นลูกจ้างต้องทำตามคำสั่ง ต่างกันการเป็นผู้ประกอบการต้องคิดเองทำเองมากมาย ประกอบกับได้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในชุมชนกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Micro – Enterprise Acceleration Program ( MAP) ของ HP บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอที ซึ่งที่มีวัตถุประสงค์ส่งเสริมทายาทธุรกิจ ทำให้เกิดแรงกระตุ้นและกำลังใจให้เกิดความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจมากขึ้น

"ก่อนจะมาช่วย ธุรกิจที่ทำอยู่เป็นการทำเลี้ยงชีพไปวันๆ และตลาดเล็กมาก ซึ่งการจะเติบโตหรือมีอนาคตที่ดีดูท่าจะยาก แต่เมื่อได้เรียนรู้ทำให้สามารถพัฒนาได้ทันที เพราะในจังหวะที่ท๊อปส์ ซูเปอร์มาร็เกต ชวนให้เรามาขายในห้างเราได้เข้าโครงการนี้พอดี ทำให้เรานำความรู้มาใช้ควบคู่ไปกับการยกระดับธุรกิจ เพราะก่อนหน้านั้นเราไม่มีความรู้ในการบริหารสินค้าในห้างเลย และถ้าเราบริหารอย่างที่เคยทำมาไปไม่รอดแน่ เช่น ต้องประสานงานกับคนหลายส่วน การจัดการงบประมาณ ซึ่งต่อมาก็มีห้างอื่นๆ มาชวนอีก เช่น ห้างดิเอ็มโพเรียม ห้างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า"

เขายอมรับว่าในตอนแรกตั้งเป้าหมายเพียงแค่บริหารจัดการร้านใหม่ที่อยู่ในฟู้ดฮอลล์ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อมีความรู้ทั้งทฤษฎีและได้ปฏิบัติด้วย ทำให้สามารถจัดระบบธุรกิจได้และกล้าตั้งเป้าหมายใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมเพราะเห็นอนาคตมากขึ้น

วันนี้ "ยิ่งเฮง" วางตำแหน่งทางการตลาดเป็น “พรีเมี่ยมสะเต๊ะ” ซึ่งมีทั้งหมู ไก่ และเนื้อวัว และมีจุดขายที่โดดเด่นจากตัวผลิตภัณฑ์ และยังผลิตเมนูเพิ่มอีก 40 รายการเพื่อเป็นทางเลือกให้นำออกมาใช้เพิ่มรายได้และเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต่างชาติโดยเฉพาะชาวเอเชีย

"ตอนนี้เราเป็นที่รู้จักมากขึ้น ลองหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต มีคนพูดถึงเราไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีเราก็รู้สึกว่าดีเพราะเมื่อก่อนมีแค่คนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่รู้จักเรา เมื่อเข้ามาอยู่ในห้างทำให้กำไรเพิ่มขึ้นไปถึง 4 เท่าถือว่าโตขึ้นมาก และอยากทำอะไรที่ท้าทายมากขึ้น เช่น อยากจะเปิดร้านแบบตึกแถว และในใจฝันอยากจะออกไปต่างประเทศซึ่งคิดรูปแบบเอาไว้แล้ว อยากมีร้านที่ใครๆ ก็อยากเข้า ดูเคเอฟซีที่โตจากร้านเล็กๆ แต่ความมุ่งมั่นกับโชค และความสามารถทำให้ขยายไปทั่วโลกได้"

"เราเริ่มตอนอายุน้อยกว่าตั้งเยอะน่าจะมีโอกาสมากขึ้น ถ้าจะเริ่มคงจะอีก 2 ปี มองว่าประเทศจีนน่าสนใจเพราะคนจีนมีเงินมากขึ้นและใส่ใจกับการกิน ซึ่งการเป็นสถาปนิกที่ออกแบบโครงสร้างอาคารก็ไม่ต่างกับการออกแบบและตกแต่งอาหาร แต่คิดว่ายังต้องมีความรู้เพิ่มเติมอีกและจะหาได้จากโครงการนี้ของเอชพีจะช่วยเราต่อเนื่องไปอีก ไม่ถูกทิ้งแน่ๆ ทำให้กล้าตั้งเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น" ทายาทธุรกิจที่คิดการใหญ่กล่าวทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น