รมช.คลัง ขอเวลา 30 วัน ตัดสินใจข้อเรียกร้องของ “เอสเอ็มอีแบงก์” เพื่อเพิ่มทุนรวม 4 พันล. แบ่งเป็นเพิ่มทุนปล่อยกู้ จำนวน 3,000 ลบ. และขอทุนสนับสนุนอีก 1,000 ลบ. เพื่อปล่อยกู้ดอกเบี้ยลบ3% แจงจะพิจารณาบนพื้นฐานทั้งปัญหาเดิมและแนวทางเพื่ออนาคต
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ว่า ทางผู้บริหารของเอสเอ็มอีแบงก์ ได้ยื่นเสนอแก่รัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง เพื่อขอเพิ่มทุนปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี อีก 3,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1,500 ล้านบาทเพื่อให้ครบตามจำนวนยอดเพิ่มทุนเดิมที่ยังขาดอยู่ และขอเพิ่มทุนใหม่อีก 1,500 ล้านบาท รวมถึงขอเงินช่วยสนับสนุนอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินช่วยสนับสนุนดอกเบี้ยโดยตรงแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
อย่างไรก็ตาม จะขอนำข้อเสนอต่างๆ เหล่านี้ กลับไปศึกษาข้อมูลรายละเอียด และจะกลับมาพบผู้บริหารเอสเอ็มอีแบงก์อีกครั้ง เพื่อให้คำตอบในอีก 30 วันข้างหน้า
“ต้องยอมรับว่าวันนี้ การทำงานของเอสเอ็มอีแบงก์ถูกจับตามองจากหลายฝ่าย ดังนั้นการขอเพิ่มทุน คำถามที่ตามมา เพิ่มทุนแล้วจะเกิดประโยชน์หรือไม่ แต่ทั้งนี้ เอสเอ็มอีแบงก์ก็มีผลงานชัดเจนในการพัฒนาช่วยเหลือผู้ประกอบการหลายแสนราย จึงมีความจำเป็นต้องมีเอสเอ็มอีแบงก์ต่อไป แต่ว่า ขณะเดียวกันสถาบันการเงินแห่งนี้ก็มีปัญหาหลายด้านเช่นนั้น ดังนั้น การพิจารณาต้องควบคู่กันระหว่างแก้ปัญหาเดิม และวางเป้าหมายในอนาคตให้ชัดเจน” นายประดิษฐ์ กล่าว
นอกจากนั้น ยืนยันในกรณีการสอบทุจริตการปล่อยสินเชื่อก่อให้เกิดหนี้เสีย 25 ราย ขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบอยู่แล้ว จะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และหวังว่า เอสเอ็มอีแบงก์ต้องมีการปรับตัว โดยเฉพาะด้านบุคลากรให้เป็นมืออาชีพและมีมาตรฐานดียิ่งขึ้น เพื่อแข่งขันกับธนาคารเอกชนอื่นๆ ซึ่งถือเป็นความท้าทายมาก
ด้านนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการเอสเอ็มอีแบงก์ เผยว่า ปัจจัยสำคัญเวลานี้ คือ การขอเพิ่มทุนจำนวน 3,000 ล้านบาท และเงินช่วยสนับสนุนอีก 1,000 ล้านบาทนั้น จำนวน 900 ล้านบาท จะมาช่วยให้สามารถปล่อยสินเชื่อแก่เอสเอ็มอีในอัตราที่ต่ำลง 3% ส่วนอีก 100 ล้านบาทจะใช้เพื่อสนับสนุนในการทำตลาด และเปิดตลาดใหม่แก่ลูกค้าเอสเอ็มอี โดยเชื่อว่าการขอเพิ่มทุนดังกล่าวจะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในการปล่อยสินเชื่อกว่า 30,000 บาทล้านบาท
