ผปก.เอสเอ็มอี ระบุมาตรการภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนใหญ่เน้นช่วยเอสเอ็มอีรายใหญ่ภาคการผลิต แนะหามาตรฐานเสริมช่วยเหลือให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอย่างแท้จริง ชี้เอสเอ็มอีรายกลางและเล็กแทบไม่ได้ประโยชน์ ระบุผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องการทุนเข้าถึงง่ายมากกว่า
นางสาววีรนุช ตันชูเกียรติ กรรมการผู้จัดการบริษัท โอซิซู จำกัด ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ แบรนด์ OSISU กล่าวว่า มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการลงทุน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีนั้น โดยรวมมองว่า จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการตัดสินใจลงทุนด้านการผลิตมากขึ้น จากเดิมอยู่ระหว่างลังเล เมื่อมีมาตรการดังกล่าว ประกอบกับค่าเงินบาทแข็ง อาจทำให้ตัดสินใจลงทุนนำเข้าเครื่องจักรเพื่อขยายการผลิต
อย่างไรก็ดี อยากให้มาตรการลดหย่อนภาษีต่างๆ ครอบคลุมทุกสาขาธุรกิจมากกว่านี้ เนื่องจากมาตรการที่ออกมา โดยรวมแล้วจะเอื้อแก่เอสเอ็มอีรายใหญ่ภาคการผลิต แต่ในความเป็นจริง เอสเอ็มอีไทยที่มีอยู่มากกว่า 90% ของธุรกิจทั้งหมด มีสาขาธุรกิจหลากหลาย บางสาขาแทบไม่ได้ประโยชน์ใดๆ เลยจากมาตรการที่ออกมา ดังนั้น ควรจะมีมาตรการ หรือกฎเกณฑ์เสริมอื่นๆ เข้ามาช่วยเหลือให้ครอบคลุมทุกสาขาธุรกิจอย่างแท้จริง อีกทั้ง ต้องเน้นสร้างความรู้ ซึ่งเป็นการสร้างความเข้มแข็งระยะยาวแก่เอสเอ็มอีควบคู่ไปด้วย
ด้านนายธภัทร วนาดรวรวิศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อควอ อินโนเวชั่น จำกัด เจ้าของธุรกิจฟาร์ม “เพรียงทราย” แห่งเดียวในไทย แสดงความคิดเห็นว่า มาตรการภาษีที่ออกมานั้น ไม่คิดว่าจะช่วยเอสเอ็มอีได้มากนัก โดยเฉพาะเอสเอ็มอีขนาดกลางและเล็ก แทบจะไม่เห็นประโยชน์เลย เพราะผู้ประกอบการกลุ่มนี้ มีกำไรไม่สูงมากอยู่แล้ว ภาระภาษี จึงไม่ได้เป็นปัญหาสำคัญต่อการทำธุรกิจ ดังนั้น มาตรการที่ออกมาจึงเป็นการช่วยเหลือได้เพียงเล็กน้อย แต่ไม่ใช้การแก้ปัญหาที่ตรงใจเอสเอ็มอีส่วนใหญ่
นายธภัทร กล่าวต่อว่า เวลานี้ สิ่งที่เอสเอ็มอีโดยรวมต้องการมากที่สุด คือ แหล่งทุนที่เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งควรจะมีข้อกำหนดการปล่อยสินเชื่อเจาะจงเป็นรายสาขาธุรกิจ เพื่อป้องกันปัญหาหนี้เสียตามมาด้วย เพราะเอสเอ็มอีมีความหลากหลายมาก กติกาที่จะเอื้อเข้าถึงแหล่งทุน ควรมีรายละเอียดที่ต่างกันด้วย ไม่ใช่กำหนดเป็นนโยบายกว้างๆ อย่างที่เป็นมา ซึ่งในทางปฏิบัติ เป็นอุปสรรคทำให้เอสเอ็มอีไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้
นางสาววีรนุช ตันชูเกียรติ กรรมการผู้จัดการบริษัท โอซิซู จำกัด ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ แบรนด์ OSISU กล่าวว่า มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการลงทุน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีนั้น โดยรวมมองว่า จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการตัดสินใจลงทุนด้านการผลิตมากขึ้น จากเดิมอยู่ระหว่างลังเล เมื่อมีมาตรการดังกล่าว ประกอบกับค่าเงินบาทแข็ง อาจทำให้ตัดสินใจลงทุนนำเข้าเครื่องจักรเพื่อขยายการผลิต
อย่างไรก็ดี อยากให้มาตรการลดหย่อนภาษีต่างๆ ครอบคลุมทุกสาขาธุรกิจมากกว่านี้ เนื่องจากมาตรการที่ออกมา โดยรวมแล้วจะเอื้อแก่เอสเอ็มอีรายใหญ่ภาคการผลิต แต่ในความเป็นจริง เอสเอ็มอีไทยที่มีอยู่มากกว่า 90% ของธุรกิจทั้งหมด มีสาขาธุรกิจหลากหลาย บางสาขาแทบไม่ได้ประโยชน์ใดๆ เลยจากมาตรการที่ออกมา ดังนั้น ควรจะมีมาตรการ หรือกฎเกณฑ์เสริมอื่นๆ เข้ามาช่วยเหลือให้ครอบคลุมทุกสาขาธุรกิจอย่างแท้จริง อีกทั้ง ต้องเน้นสร้างความรู้ ซึ่งเป็นการสร้างความเข้มแข็งระยะยาวแก่เอสเอ็มอีควบคู่ไปด้วย
ด้านนายธภัทร วนาดรวรวิศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อควอ อินโนเวชั่น จำกัด เจ้าของธุรกิจฟาร์ม “เพรียงทราย” แห่งเดียวในไทย แสดงความคิดเห็นว่า มาตรการภาษีที่ออกมานั้น ไม่คิดว่าจะช่วยเอสเอ็มอีได้มากนัก โดยเฉพาะเอสเอ็มอีขนาดกลางและเล็ก แทบจะไม่เห็นประโยชน์เลย เพราะผู้ประกอบการกลุ่มนี้ มีกำไรไม่สูงมากอยู่แล้ว ภาระภาษี จึงไม่ได้เป็นปัญหาสำคัญต่อการทำธุรกิจ ดังนั้น มาตรการที่ออกมาจึงเป็นการช่วยเหลือได้เพียงเล็กน้อย แต่ไม่ใช้การแก้ปัญหาที่ตรงใจเอสเอ็มอีส่วนใหญ่
นายธภัทร กล่าวต่อว่า เวลานี้ สิ่งที่เอสเอ็มอีโดยรวมต้องการมากที่สุด คือ แหล่งทุนที่เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งควรจะมีข้อกำหนดการปล่อยสินเชื่อเจาะจงเป็นรายสาขาธุรกิจ เพื่อป้องกันปัญหาหนี้เสียตามมาด้วย เพราะเอสเอ็มอีมีความหลากหลายมาก กติกาที่จะเอื้อเข้าถึงแหล่งทุน ควรมีรายละเอียดที่ต่างกันด้วย ไม่ใช่กำหนดเป็นนโยบายกว้างๆ อย่างที่เป็นมา ซึ่งในทางปฏิบัติ เป็นอุปสรรคทำให้เอสเอ็มอีไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้
