สมาคมธุรกิจแฟรนไชส์และเอสเอ็มอีไทย มอบหมายภาคเอกชนกำหนดกฎเกณฑ์มาตรฐานแฟรนไชส์ไทย หวังเป็นใบเบิกทางสร้างความน่าเชื่อถือผู้ประกอบการโนเนม เล็งกำหนดมาตรฐานเทียบเท่าต่างชาติ หวังกรุยทางแฟรนไชส์ไทยโกอินเตอร์
นายพิทักษ์ สุภนันทการ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินเตอร์เทค เทสติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากสมาคมธุรกิจธุรกิจแฟรนไชส์และเอสเอ็มอีไทย ในการร่างเกณฑ์มาตรฐานแฟรนไชส์แห่งชาติระดับสากล ว่า การร่างกฎเกณฑ์มาตราฐานแฟรนไชส์ไทย ถือเป็นนโยบายของทางภาครัฐฯ คือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการเห็นธุรกิจแฟรนไชส์ และภาคอุตสาหกรรมของไทย สามารถแสดงศักยภาพในเวทีโลกได้ และยังเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพแฟรนไชส์ไทยสู่ความเป็นสากลมากขึ้น โดยมีองค์กรอิสระและหน่วยงานภาครัฐฯ คอยกำกับดูแล
“ในฐานะที่บริษัทฯ ของผมได้ดำเนินงานเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในระดับสากลอยู่ ทำให้เรามีความเชี่ยวชาญในเรื่องการกำหนดมาตรฐานต่างๆ โดยอาศัยพื้นฐานจากความรู้และประสบการณ์ ที่ได้จากการศึกษาข้อมูลจากต่างชาติมาเป็นเวลานาน ดังนั้นในเรื่องการกำหนดกฎเกณฑ์มาตรฐานแฟรนไชส์ไทย ทำให้ผมได้นำประสบการณ์เหล่านั้นมาถ่ายทอดและศึกษาข้อดีข้อเสีย โดยในขณะนี้หลังจากที่ผมได้รวบรวมผู้ที่คว่ำหวอดอยู่ในแวดวงแฟรนไชส์ในไทย ทั้งนักวิชาการ สถาบันการศึกษา หน่วยงานเอกชน ข้าราชการจากหน่วยงานภาครัฐฯ รวมถึงผู้ที่มีส่วนได้-เสีย ในธุรกิจ เข้ามาร่วมกันกำหนดกฎเกณฑ์ดังกล่าวด้วย เพราะเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดกฎเกณฑ์ให้ครอบคลุมทุกธุรกิจ จากพื้นฐานที่ว่าทุกธุรกิจสามารถทำเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ได้ หากมีระบบการบริหารจัดการที่ดี” นายพิทักษ์ กล่าว
ทั้งนี้การร่างกฎเกณฑ์แฟรนไชส์ ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ให้เวลาประมาณ 6 เดือน โดยเนื้อหาต้องครอบคลุมทุกธุรกิจ มีการกำหนดกฎเกณฑ์มาตรฐานพื้นฐานที่ธุรกิจแฟรนไชส์ไทยพึงมี หวังให้ผู้คิดจะซื้อแฟรนไชส์ตัดสินใจได้ถูกต้อง และได้คู่ค้าที่ดี และเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจอย่างจริงจัง โดยกฎเกณฑ์ดังกล่าว ไม่ได้บังคับให้ผู้ประกอบการแฟรนไชส์ไทยต้องเข้ามาสู่มาตรฐานนี้ แต่เป็นการสมัครใจ เพราะถือว่าผู้ประกอบการแฟรนไชส์รายใดที่เข้าสู่กฎเกณฑ์ จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ และยังถือเป็นใบเบิกทางสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก ที่ยังไม่มีแบรนด์ สามารถนำกฎเกณฑ์ดังกล่าวเปิดตลาดทั้งในและต่างประเทศได้ง่ายขึ้น
สำหรับกฎเกณฑ์ดังกล่าว ทางสมาคมฯ และหน่วยงานภาครัฐฯ ต้องการกำหนดกฎเกณฑ์ให้ทัดเทียมกับธุรกิจแฟรนไชส์ในระดับสากล เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แฟรนไชส์ไทยสู่ตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ซึ่งเนื้อหาจะเป็นการจะอิงมาตรฐานต่างๆ ของต่างชาติ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน หากแฟรนไชส์ไทยจะก้าวขึ้นสู่เวทีโลก และหากกฎเกณฑ์แฟรนไชส์ดังกล่าวได้มีการนำมาใช้แล้ว ก็จะต่อยอดสู่ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมต่อไป
นายพิทักษ์ สุภนันทการ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินเตอร์เทค เทสติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากสมาคมธุรกิจธุรกิจแฟรนไชส์และเอสเอ็มอีไทย ในการร่างเกณฑ์มาตรฐานแฟรนไชส์แห่งชาติระดับสากล ว่า การร่างกฎเกณฑ์มาตราฐานแฟรนไชส์ไทย ถือเป็นนโยบายของทางภาครัฐฯ คือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการเห็นธุรกิจแฟรนไชส์ และภาคอุตสาหกรรมของไทย สามารถแสดงศักยภาพในเวทีโลกได้ และยังเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพแฟรนไชส์ไทยสู่ความเป็นสากลมากขึ้น โดยมีองค์กรอิสระและหน่วยงานภาครัฐฯ คอยกำกับดูแล
“ในฐานะที่บริษัทฯ ของผมได้ดำเนินงานเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในระดับสากลอยู่ ทำให้เรามีความเชี่ยวชาญในเรื่องการกำหนดมาตรฐานต่างๆ โดยอาศัยพื้นฐานจากความรู้และประสบการณ์ ที่ได้จากการศึกษาข้อมูลจากต่างชาติมาเป็นเวลานาน ดังนั้นในเรื่องการกำหนดกฎเกณฑ์มาตรฐานแฟรนไชส์ไทย ทำให้ผมได้นำประสบการณ์เหล่านั้นมาถ่ายทอดและศึกษาข้อดีข้อเสีย โดยในขณะนี้หลังจากที่ผมได้รวบรวมผู้ที่คว่ำหวอดอยู่ในแวดวงแฟรนไชส์ในไทย ทั้งนักวิชาการ สถาบันการศึกษา หน่วยงานเอกชน ข้าราชการจากหน่วยงานภาครัฐฯ รวมถึงผู้ที่มีส่วนได้-เสีย ในธุรกิจ เข้ามาร่วมกันกำหนดกฎเกณฑ์ดังกล่าวด้วย เพราะเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดกฎเกณฑ์ให้ครอบคลุมทุกธุรกิจ จากพื้นฐานที่ว่าทุกธุรกิจสามารถทำเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ได้ หากมีระบบการบริหารจัดการที่ดี” นายพิทักษ์ กล่าว
ทั้งนี้การร่างกฎเกณฑ์แฟรนไชส์ ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ให้เวลาประมาณ 6 เดือน โดยเนื้อหาต้องครอบคลุมทุกธุรกิจ มีการกำหนดกฎเกณฑ์มาตรฐานพื้นฐานที่ธุรกิจแฟรนไชส์ไทยพึงมี หวังให้ผู้คิดจะซื้อแฟรนไชส์ตัดสินใจได้ถูกต้อง และได้คู่ค้าที่ดี และเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจอย่างจริงจัง โดยกฎเกณฑ์ดังกล่าว ไม่ได้บังคับให้ผู้ประกอบการแฟรนไชส์ไทยต้องเข้ามาสู่มาตรฐานนี้ แต่เป็นการสมัครใจ เพราะถือว่าผู้ประกอบการแฟรนไชส์รายใดที่เข้าสู่กฎเกณฑ์ จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ และยังถือเป็นใบเบิกทางสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก ที่ยังไม่มีแบรนด์ สามารถนำกฎเกณฑ์ดังกล่าวเปิดตลาดทั้งในและต่างประเทศได้ง่ายขึ้น
สำหรับกฎเกณฑ์ดังกล่าว ทางสมาคมฯ และหน่วยงานภาครัฐฯ ต้องการกำหนดกฎเกณฑ์ให้ทัดเทียมกับธุรกิจแฟรนไชส์ในระดับสากล เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แฟรนไชส์ไทยสู่ตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ซึ่งเนื้อหาจะเป็นการจะอิงมาตรฐานต่างๆ ของต่างชาติ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน หากแฟรนไชส์ไทยจะก้าวขึ้นสู่เวทีโลก และหากกฎเกณฑ์แฟรนไชส์ดังกล่าวได้มีการนำมาใช้แล้ว ก็จะต่อยอดสู่ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมต่อไป
