ศูนย์ข่าวขอนแก่น-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เทรนผู้ประกอบการSMEs อีสาน รุกตลาดจีน เผยศักยภาพการขยายตลาดสูง เหตุเศรษฐกิจจีนขยายตัวต่อเนื่องทุกปี ทั้งมีขนาดตลาดประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคน มั่นใจไม่เกิน 10 ปี จีนขึ้นแท่นคู่ค้าอันดับ 1 แน่ ด้านผู้ประกอบการชี้ สินค้าไทยหลายชนิดมีโอกาสแจ้งเกิดในตลาดจีน ทั้งอาหารไทย สินค้าโอทอป ธุรกิจสปา แนะต้องพัฒนาคุณภาพให้เป็นที่ยอมรับ หากติดตลาดรับออเดอร์ไม่ทันแน่
เมื่อเร็วๆนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จัดสัมมนา “โครงการส่งเสริมศักยภาพ SMEs ภูมิภาคสู่ตลาดจีน” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขยายธุรกิจ การตลาด ในระบบการค้าใหม่และตลาดใหม่ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง มีโอกาสขยายธุรกิจสู่ตลาดจีน โดยมีนายพิษณุ เหรียญมหาสาร รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และมีผู้ประกอบการเข้าร่วมสัมมนากว่า 200 คน ณ โรงแรมโซฟิเทล ราชา ออคิด อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
ภายในเวทีการสัมมนาดังกล่าว มีการจัดกิจกรรมให้ความรู้ในการรุกตลาดจีนในหลายประเด็น เช่น การเสวนาเรื่อง “โอกาส และกลยุทธ์การทำธุรกิจในตลาดจีน” จากวิทยากรหน่วยงานรัฐ ทั้งมีการเชิญผู้ประกอบการ ที่ประสบผลสำเร็จในการทำการค้ากับจีน มาแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดประสบการณ์ให้แก่ผู้ประกอบการSMEs ได้เรียนรู้ด้วย
นายสุทธิศักดิ์ เลาหชีวิน รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตลาดจีนเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจในการขยายตลาดสินค้าส่งออกของไทย โอกาสขยายลู่ทางการค้ากับจีนมีศักยภาพที่สูงมาก เนื่องจากจีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของโลก มีประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคน ขณะที่เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าในระยะไม่เกิน 10 ปี จีนจะเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยแทนสหรัฐอเมริกาแน่
ขณะเดียวกัน การขนส่งสินค้าถึงกลุ่มเป้าหมายในตลาดจีน นอกเหนือจากการขนส่งทางอากาศแล้ว ยังสามารถใช้การขนส่งทางบก ปัจจุบันมีการเชื่อมเส้นทางการค้าระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยการขนส่งสินค้าเข้าสู่ตลาดจีน สามารถใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-คุนหมิง มีระยะทางประมาณ 1,800 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินทางเพียง 8 ชั่วโมง
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า มองเห็นความสำคัญของการขยายลู่ทางการค้าระหว่างไทยกับจีน จึงมีการจัดสัมมนาให้ความรู้ถึงศักยภาพทางการตลาด ให้แก่ผู้ประกอบการในภูมิภาค รับทราบข้อมูลด้านต่างๆ เพื่อเตรียมตัวในการพัฒนาเชื่อมการค้ากับประเทศจีน โดยสินค้าที่ผลิตขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัดล้วนมีศักยภาพที่จะเข้าสู่ตลาดจีนได้ โดยผู้ประกอบการในภูมิภาคจะต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้า
ด้านนางอำภา เจียรกิตติกุล ที่ปรึกษาคณะทำงานภูมิภาคจีน สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทย และเครื่องประดับ กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ได้ทำการค้ากับจีน พบว่าประเพณีและวัฒนธรรมของคนจีน มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับไทย ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีการพัฒนาเร็วมาก ทำให้ประชากรจีนจึงมีกำลังซื้อสูงแห่งหนึ่งของโลก
ทั้งนี้คนจีนชื่นชอบอาหารไทยมาก จากการจัดเทศกาล Food good fair ที่เมืองคุนหมิง ซึ่งเป็นเทศกาลที่นำอาหารไทยไปจัดแสดงและจำหน่ายเป็นระยะเวลา 7 วัน ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับจากชาวจีนมาก สามารถจำหน่ายอาหารไทยได้หมดเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น อาหารไทยจึงเป็นสินค้าอีกชนิดที่สามารถรุกตลาดจีนได้ อีกทั้งสินค้าโอทอป และของขบเคี้ยว สินค้าหัตถกรรม ที่มีการผลิตทั่วไปในต่างจังหวัด ตลอดจนธุรกิจบริการสปา ก็เป็นที่ยอมรับของคนจีนมาก
นางอำภา กล่าวต่อว่า จุดสำคัญ ผู้ประกอบการที่จะทำตลาดในประเทศจีน จะต้องมีการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้เป็นที่ยอมรับของตลาดเท่านั้น โอกาสที่จะประสบผลสำเร็จในตลาดจีนมีสูงมาก โดยจะต้องมีการวางแผนในการผลิตสินค้า ในลักษณะการสร้างเครือข่ายการผลิต เพราะหากสินค้าชนิดใดที่ได้รับการยอมรับ จะมีการสั่งสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่องและในปริมาณมาก ผู้ประกอบการจึงควรสร้างเครือข่ายผลิตไว้ล่วงหน้า
ผู้ประกอบการในต่างจังหวัด ควรชิงความได้เปรียบ ในการขยายตลาดไปสู่ตลาดจีน เนื่องจาก ระยะทางการเดินทางจากไทยไปจีนไม่ห่างกันมาก สามารถใช้การขนส่งทางถนนทำการค้ากันได้
ทั้งนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะมีการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในจีนหลายแห่ง โดยจะมีการเปิดศูนย์แห่งแรกที่เมืองคุนหมิงในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่สินค้าไทยในการไปตลาดจีน โอกาสที่สินค้าไทยจะขยายตลาดในจีนจึงมีสูงมาก