ผอ.ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศขนาดกลางและขนาดย่อม ม.หอการค้าไทย เชื่อมาตรการภาษี ส่งเสริมการลงทุนสำหรับเอสเอ็มอี เป็นทางออกที่ดีช่วยกระตุ้นให้เอสเอ็มอี ซึ่งมีอยู่กว่า 99.8%ให้สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปได้
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าถึงมาตรการภาษีส่งเสริมการลงทุน โดยการลดภาษีให้กับผู้ประกอบการรายย่อยหรือเอสเอ็มอีนั้น ถือว่ารัฐบาลแก้ปัญหาได้ดีมากและโดนใจประชาชนในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่จำเป็นต้องมีมาตรการแผนกระตุ้นการบริโภค และเยียวยาปากท้องประชาชนที่มีรายได้น้อยก่อน
สำหรับการยกเว้นภาษีน่าจะมาช่วยกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถลดต้นทุนการผลิตและขับเคลื่อนต่อไปได้ เพราะที่ผ่านเอสเอ็มอีที่มีอยู่กว่า 99.8% เจอปัญหาต่างๆมากอยู่แล้ว ถ้าได้รับการลดภาษี ทำให้เอสเอ็มอี มีกำไรเพิ่มขึ้น และกำไรส่วนที่เพิ่มนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพของการผลิตให้มีคุณภาพมากขึ้น เกิดการลงทุนเศรษฐกิจขับเคลื่อนได้เอสเอ็มอีมีอยู่จำนวนมาก
ในส่วนรายได้ขาดหายไป ประกอบกับรัฐบาลต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อดำเนินการตามนโยบายประชานิยม ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก รัฐบาลต้องหารายได้จากภาษีในส่วนอื่น เช่น ภาษีมรดก ภาษีที่ดิน ภาษีที่เกิดจากการออม เป็นการเก็บภาษีในแบบก้าวหน้า หรือ รัฐบาลมีนโยบายในการทำให้เศรษฐกิจคึกคัก เกิดการกระตุ้นการบริโภค บริษัทภาคเอกชนผลิตสินค้าขายได้มากขึ้น รายได้กลับเข้ามาภาครัฐมากขึ้น หรือมาตรการการเก็บภาษีกับสินค้าฟุ่มเฟื่อย ที่ไม่กระทบกับโครงสร้างพื้นฐานของประชาชน
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าถึงมาตรการภาษีส่งเสริมการลงทุน โดยการลดภาษีให้กับผู้ประกอบการรายย่อยหรือเอสเอ็มอีนั้น ถือว่ารัฐบาลแก้ปัญหาได้ดีมากและโดนใจประชาชนในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่จำเป็นต้องมีมาตรการแผนกระตุ้นการบริโภค และเยียวยาปากท้องประชาชนที่มีรายได้น้อยก่อน
สำหรับการยกเว้นภาษีน่าจะมาช่วยกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถลดต้นทุนการผลิตและขับเคลื่อนต่อไปได้ เพราะที่ผ่านเอสเอ็มอีที่มีอยู่กว่า 99.8% เจอปัญหาต่างๆมากอยู่แล้ว ถ้าได้รับการลดภาษี ทำให้เอสเอ็มอี มีกำไรเพิ่มขึ้น และกำไรส่วนที่เพิ่มนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพของการผลิตให้มีคุณภาพมากขึ้น เกิดการลงทุนเศรษฐกิจขับเคลื่อนได้เอสเอ็มอีมีอยู่จำนวนมาก
ในส่วนรายได้ขาดหายไป ประกอบกับรัฐบาลต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อดำเนินการตามนโยบายประชานิยม ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก รัฐบาลต้องหารายได้จากภาษีในส่วนอื่น เช่น ภาษีมรดก ภาษีที่ดิน ภาษีที่เกิดจากการออม เป็นการเก็บภาษีในแบบก้าวหน้า หรือ รัฐบาลมีนโยบายในการทำให้เศรษฐกิจคึกคัก เกิดการกระตุ้นการบริโภค บริษัทภาคเอกชนผลิตสินค้าขายได้มากขึ้น รายได้กลับเข้ามาภาครัฐมากขึ้น หรือมาตรการการเก็บภาษีกับสินค้าฟุ่มเฟื่อย ที่ไม่กระทบกับโครงสร้างพื้นฐานของประชาชน