การเสาะหาสินค้าที่ดี มีคุณภาพผลิต และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เพื่อตอบสนองผู้บริโภคในประเทศไทยนั้น ถือเป็นอีกกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยที่ไม่ต้องแบกภาระในเรื่องของต้นทุนการผลิต ในขณะที่สามารถทุ่มเม็ดเงินเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์สินค้าคุณภาพได้อย่างเต็มที่ เหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ “Astina” ที่ใช้การแสวงหาสินค้าจากทั่วทุกมุมโลกที่มีคุณภาพ และจ้างผลิตตามที่ต้องการ รวมถึงการสร้างแบรนด์ ก็สามารถดำเนินธุรกิจลดความเสี่ยงด้านการผลิตลงไป
นายประวิทย์ อนันตวราศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสทีน่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านภายใต้แบรนด์ Astina เล่าว่า ตนเองได้เข้ามารับตำแหน่งนี้จากประสบการณ์และความสำเร็จในการบริหารงานจาก บริษัท พาวเวอร์บาย จำกัด ธุรกิจรีเทลค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัล และงานบริหารธุรกิจสี ทีโอเอ ซึ่งได้เข้ามาพร้อมกับนโยบายตลาดยุค “โกลบอล ซอสซิ่ง” คือการเสาะหาสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ทั้งในและต่างประเทศ และนำมาปรับปรุงเพื่อการใช้งานที่เหมาะกับคนไทย โดยเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
ทั้งนี้ บริษัทแอสทีน่า ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 10 ปี โดยเป็นการนำเข้าสินค้าสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า และนำสินค้ามากระจายตามห้างสรรพสินค้า แต่เมื่อนายประวิทย์ เข้ามาบริหารงานด้านนี้ จึงได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ จากการซื้อมาขาย เป็นการศึกษาข้อมูลความต้องการของผู้บริโภคก่อน รวมถึงการคิดแทนผู้บริโภค เกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในปัจจุบันของไทยที่บางอย่างไม่มีการพัฒนามายาวนาน จนผู้บริโภคไม่มีทางเลือกใหม่ๆ เห็นได้ชัด คือ เครื่องซักผ้าที่มีอยู่ 2 รูปแบบ คือ แบบฝาหน้า และฝาบน และเครื่องซักผ้าแบบสองถัง เท่านั้น
“หลังจากที่เราได้สำรวจเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยแล้ว ก็ค้นพบว่ามีสินค้าบางชนิดที่ไม่ได้รับการพัฒนาเลยนานกว่า 10 ปี โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าที่มีรูปเดิมๆ ในขณะที่คนไทยในยุคนี้เริ่มหันมาใส่ในเรื่องของความสะอาดของเสื้อผ้ากันมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของหมอ และพยาบาล รวมถึงคนทำงานออฟฟิศ ที่จะใส่ใจในเรื่องของเสื้อผ้าเป็นพิเศษ ซึ่งจากจุดนี้เองทำให้เราเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาด จึงได้จับมือกับบริษัท ต่างชาติ ออกแบบเครื่องซักผ้าเปลี่ยนถังได้ โดยเป็นการแยกตะกร้าซักผ้าของแต่ละคน ในรุ่นที่ชื่อว่า Titan (ไททัน) ทำให้หมดกังวลเรื่องความสะอาดของแต่ละคนไปได้ ส่วนขั้นตอนการซักจะใช้การฉีดน้ำทะลุผ่านผ้า โดยใช้น้ำเพียง 5 ลิตร เท่านั้น ทำให้สามารถขจัดสิ่งสกปรกได้มากกว่าการใช้แรงเหวี่ยง นับว่าเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคที่ใส่ใจในเรื่องของเสื้อผ้าได้เป็นอย่างดี”
สำหรับเครื่องซักผ้าไททัน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่คนไทยพยายามคิดออกแบบสินค้าที่มีในท้องตลาด ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ซึ่งสินค้าของบริษัท แอสทีน่า (ประเทศไทย) จำกัด ยังมีสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนอีกหลากหลายประเภท เช่น ตู้เย็น, เครื่องทำน้ำอุ่น, เตาฝังประหยัดพลังงาน, เครื่องดูดควันคุณภาพสูง และเตาอบ เป็นต้น
ถึงแม้เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน อย่างแบรนด์แอสทีน่า จะอยู่ในตลาดไทยมานานกว่า 10 ปี แต่ก็ถือว่าเป็นสินค้าที่เริ่มคุ้นเคยกับลูกค้าไทย หลังจากที่เริ่มบุกตลาดตามห้างสรรพสินค้า แต่จากพฤติกรรมการซื้อสินค้าของคนไทย มักจะมุ่งไปที่แบรนด์ที่ตนเองคุ้นเคยก่อน ดังนั้นเมื่อการเข้าถึงกลุ่มเป้าให้ได้มากที่สุด ทางบริษัทฯ จึงต้องเน้นการประชาสัมพันธ์สินค้าเชิงรุก ด้วยการสาธิตการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าไททัน ที่คาดว่าจะเป็นที่นิยมของผู้ที่รักความสะอาด หากได้รับรู้ถึงคุณภาพ และประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ
***CALL CENTER 1800-292-552 และ 1800-292-882 หรือที่ www.astinathailand.com***
