ตรัง – ชาวบ้านร้องเรียนให้เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ อป.พร.หลังถูกรุมกระทืบจนได้รับบาดเจ็บ โดยผู้บังคับบัญชาได้สั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาพักงานไว้ก่อน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
วันนี้ (29 ม.ค.) นายประวิทย์ เส็งอิ่ม อายุ 30 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 1/1 ตำบลวัดขนุน อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และ นายชำนาญ ดีพยัพ อายุ 27 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 169 หมู่ที่ 6 ตำบลกำแพงเซา อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งทั้ง 2 คนได้มาเช่าบ้านอยู่เลขที่ 11/8-9 ถนนโคกหล่อ-ควนขัน ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง พร้อมผู้ใหญ่บ้านและเพื่อนบ้านใกล้เคียง ในพื้นที่หมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 8 ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง กว่า 10 คน ได้เข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.ประเสริฐ ส่งแสง สารวัตรเวรสอบสวน สภ.อ.เมืองตรัง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากคดีที่ นายประวิทย์ และ นายชำนาญ ระบุว่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ 191 สภ.เมืองตรัง และเจ้าหน้าที่ อป.พร.รวม 6 คน รุมทำร้ายร่างกายด้วยวิธีการใช้เท้ากระทืบ เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 24 มกราคม 2551 ที่ผ่านมา ในขณะที่ทั้งคู่ขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ชนิดตอนครึ่ง สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บห-590 กรุงเทพฯ จนเป็นเหตุเฉี่ยวชนกับรถยนต์ตำรวจ 191 บริเวณสามแยกโคกยูง ถนนควนขนุน ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ อป.พร.ที่มากับรถยนต์ตำรวจ 191 ได้ลงมาลากตัวนายประวิทย์ และ นายชำนาญ ให้ลงจากรถพร้อมกับสั่งบังคับให้นอนคว่ำหน้ากับพื้นถนน แล้วร่วมกันใช้เท้ากระทืบทั้งคู่จนนับครั้งไม่ถ้วนต่อหน้าชาวบ้านที่ออกมาดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก
ต่อจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวทั้ง 2 คนไปดำเนินคดีในข้อหาขับรถโดยประมาทและเมาแล้วขับ พร้อมตรวจยึดรถกระบะไว้ที่ สภ.เมืองตรัง และยังได้มีการสั่งขังนายประวิทย์ เป็นเวลา 1 วันด้วยนั้น
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองตรัง เจ้าของคดี กล่าวว่า ในคืนวันเกิดเหตุทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ สภ.เมืองตรัง มี 4 นายประกอบด้วย ร.ต.ท.จักราช วรรณประภา เป็นหัวหน้าชุด ด.ต.พิราช แท่นทอง ด.ต.มานิตย์ นวลนาค และ ด.ต.ไกรยุทธ ลอยชื่น เป็นคนขับรถยนต์ 191 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ อป.พร.ของเทศบาลนครตรัง อีก 5 คนที่ได้มีการดึงตัวมาช่วยปฏิบัติงานลาดตระเวนในช่วงเวลากลางคืน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ สภ.เมืองตรัง
ทั้งนี้ หลังจากมีการสอบปากคำเพิ่มเติม ได้มีการนำคู่กรณีทั้งหมดมาให้ผู้เสียหายชี้ตัว ซึ่งผู้เสียหายสามารถจดจำใบหน้าของผู้ที่ใช้เท้ากระทืบได้เพียง 1 คนเท่านั้น คือ นายธรรมรินทร์ แสงสี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมืองตรัง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ อป.พร.เทศบาลนครตรัง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ อพ.ปร.ที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดมาสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งกำลังรอผลการตรวจร่างกายของผู้เสียหายทั้ง 2 คน จากโรงพยาบาลตรัง และจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายธรรมรินทร์ ต่อไป
พ.ต.อ.นุกูล ไกรทอง ผู้กำกับการ สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งระงับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวแล้ว และจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า ได้ร่วมกระทำการเกินกว่าเหตุอย่างที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ เนื่องจากผู้เสียหายได้ให้การยืนยันอย่างชัดเจนว่า ถูกรุมกระทืบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนจริงๆ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่บางคนในชุดดังกล่าวออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ แล้วทำไมจึงไม่มีการห้ามปรามให้คนอื่นหยุดการกระทำดังกล่าว แล้วนำประชาชนที่กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกระบวนการของกฎหมาย
วันนี้ (29 ม.ค.) นายประวิทย์ เส็งอิ่ม อายุ 30 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 1/1 ตำบลวัดขนุน อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และ นายชำนาญ ดีพยัพ อายุ 27 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 169 หมู่ที่ 6 ตำบลกำแพงเซา อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งทั้ง 2 คนได้มาเช่าบ้านอยู่เลขที่ 11/8-9 ถนนโคกหล่อ-ควนขัน ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง พร้อมผู้ใหญ่บ้านและเพื่อนบ้านใกล้เคียง ในพื้นที่หมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 8 ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง กว่า 10 คน ได้เข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.ประเสริฐ ส่งแสง สารวัตรเวรสอบสวน สภ.อ.เมืองตรัง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากคดีที่ นายประวิทย์ และ นายชำนาญ ระบุว่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ 191 สภ.เมืองตรัง และเจ้าหน้าที่ อป.พร.รวม 6 คน รุมทำร้ายร่างกายด้วยวิธีการใช้เท้ากระทืบ เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 24 มกราคม 2551 ที่ผ่านมา ในขณะที่ทั้งคู่ขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ชนิดตอนครึ่ง สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บห-590 กรุงเทพฯ จนเป็นเหตุเฉี่ยวชนกับรถยนต์ตำรวจ 191 บริเวณสามแยกโคกยูง ถนนควนขนุน ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ อป.พร.ที่มากับรถยนต์ตำรวจ 191 ได้ลงมาลากตัวนายประวิทย์ และ นายชำนาญ ให้ลงจากรถพร้อมกับสั่งบังคับให้นอนคว่ำหน้ากับพื้นถนน แล้วร่วมกันใช้เท้ากระทืบทั้งคู่จนนับครั้งไม่ถ้วนต่อหน้าชาวบ้านที่ออกมาดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก
ต่อจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวทั้ง 2 คนไปดำเนินคดีในข้อหาขับรถโดยประมาทและเมาแล้วขับ พร้อมตรวจยึดรถกระบะไว้ที่ สภ.เมืองตรัง และยังได้มีการสั่งขังนายประวิทย์ เป็นเวลา 1 วันด้วยนั้น
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองตรัง เจ้าของคดี กล่าวว่า ในคืนวันเกิดเหตุทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ สภ.เมืองตรัง มี 4 นายประกอบด้วย ร.ต.ท.จักราช วรรณประภา เป็นหัวหน้าชุด ด.ต.พิราช แท่นทอง ด.ต.มานิตย์ นวลนาค และ ด.ต.ไกรยุทธ ลอยชื่น เป็นคนขับรถยนต์ 191 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ อป.พร.ของเทศบาลนครตรัง อีก 5 คนที่ได้มีการดึงตัวมาช่วยปฏิบัติงานลาดตระเวนในช่วงเวลากลางคืน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ สภ.เมืองตรัง
ทั้งนี้ หลังจากมีการสอบปากคำเพิ่มเติม ได้มีการนำคู่กรณีทั้งหมดมาให้ผู้เสียหายชี้ตัว ซึ่งผู้เสียหายสามารถจดจำใบหน้าของผู้ที่ใช้เท้ากระทืบได้เพียง 1 คนเท่านั้น คือ นายธรรมรินทร์ แสงสี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมืองตรัง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ อป.พร.เทศบาลนครตรัง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ อพ.ปร.ที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดมาสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งกำลังรอผลการตรวจร่างกายของผู้เสียหายทั้ง 2 คน จากโรงพยาบาลตรัง และจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายธรรมรินทร์ ต่อไป
พ.ต.อ.นุกูล ไกรทอง ผู้กำกับการ สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งระงับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวแล้ว และจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า ได้ร่วมกระทำการเกินกว่าเหตุอย่างที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ เนื่องจากผู้เสียหายได้ให้การยืนยันอย่างชัดเจนว่า ถูกรุมกระทืบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนจริงๆ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่บางคนในชุดดังกล่าวออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ แล้วทำไมจึงไม่มีการห้ามปรามให้คนอื่นหยุดการกระทำดังกล่าว แล้วนำประชาชนที่กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกระบวนการของกฎหมาย