xs
xsm
sm
md
lg

สวทช. อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย และอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคทั่วประเทศร่วมจัดประชุมประจำปีสมาคมอุทยานวิทยาศาสตร์แห่งเอเชียครั้งที่ 28

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (Thailand Science Park) รวมถึงอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคทั่วประเทศภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมประจำปีสมาคมอุทยานวิทยาศาสตร์แห่งเอเชีย (ASPA Annual Conference 2025) ครั้งที่ 28 เวทีระดับนานาชาติภายใต้สมาคมอุทยานวิทยาศาสตร์เอเชีย (Asian Science Park Association, ASPA) ที่ส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ระหว่างอุทยานวิทยาศาสตร์ในเอเชีย ซึ่งมีสมาชิกจากกว่า 15 ประเทศทั่วเอเชีย โดยในปีนี้ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมภายใต้หัวข้อ "บทบาทของอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการส่งเสริมองค์กรธุรกิจสู่เส้นทางอีเอสจี (The Role of Science and Technology Parks in Facilitating Corporates on the ESG Journey)" โอกาสนี้ได้รับเกียรติจากนางสาวพิมพ์พร ชีวานันท์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานเปิดงาน และได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ สก็อตแลนด์ สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีนและภูฎาน ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับระบบนิเวศนวัตกรรม (Innovation Ecosystem) และการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนเพื่อผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีด้านเศรษฐกิจ สังคม และการกำกับดูแล (อีเอสจี) 

บคั่ง


นางสาวพิมพ์พร ชีวานันท์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว.กล่าวว่า นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับทุกท่านที่เข้าร่วมงานการประชุมประจำปี ASPA ครั้งที่ 28 ในนามของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (Thailand Science Park) และอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค (Regional Science Parks) ทั่วประเทศ เชื่อมั่นว่าการเติบโตอย่างยั่งยืนเริ่มต้นจากระบบนิเวศนวัตกรรมที่เราสร้างขึ้นร่วมกัน ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นมากกว่าการประชุมวิชาการประจำปี เพราะเป็นการรวมตัวของพันธมิตรในแถบเอเชียและยุโรป มิตรภาพที่ไร้พรมแดน ผ่านแนวคิด "บทบาทของอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการส่งเสริมองค์กรธุรกิจสู่เส้นทางอีเอสจี" ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงผ่านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และความร่วมมือเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมโลก

“ปัจจุบันอีเอสจีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป องค์กรธุรกิจทั่วโลกกำลังเปลี่ยนจากความตั้งใจไปสู่การลงมือปฏิบัติ และอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้กลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ อุทยานฯ ได้นำวิสัยทัศน์ของภาครัฐ ความเชี่ยวชาญทางวิชาการ และนวัตกรรมของภาคเอกชนมารวมกัน เพื่อเปลี่ยนแนวคิดที่ยั่งยืนให้กลายเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงและสามารถขยายขนาดได้ " .... นางสาวพิมพ์พร กล่าว

ทั้งนี้ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยได้จัดตั้งเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคทั่วประเทศ โดยแต่ละแห่งได้รับการกำหนดรูปแบบตามจุดแข็งของท้องถิ่น แต่รวมเป็นหนึ่งภายใต้ภารกิจเดียวกัน คือ การขยายการเข้าถึงงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อการเติบโตทางธุรกิจด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืน


สำหรับอุทยานวิทยาศาสตร์ของกระทรวง อว. มี บทบาทสำคัญ 5 ประการ

- ประการแรก เป็นตัวเร่งปฏิกิริยานวัตกรรม เปลี่ยนความท้าทายในท้องถิ่นให้กลายเป็นแนวทางแก้ไข 


- ประการที่สอง เป็นผู้สร้างระบบนิเวศ เชื่อมโยงชุมชนระดับภูมิภาคเข้ากับเครือข่ายระดับประเทศ 


- ประการที่สาม เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา และนักลงทุน 


- ประการที่สี่ เป็นกลไกหลักในการพัฒนาศักยภาพ บ่มเพาะผู้ประกอบการธุรกิจสีเขียวในรุ่นถัดไป 


- ประการสุดท้าย เป็นประตูสู่ตลาดต่างประเทศผ่านกลไกการสนับสนุนจากอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย 

และโอกาสในการร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนากับบริษัทเอกชนในอุทยานฯ กว่า 120 บริษัท ซึ่ง 40% เป็นบริษัทข้ามชาติ

เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้โมเดลของประเทศไทยมีเอกลักษณ์คือ การเชื่อมโยงของเครือข่าย ความก้าวหน้าในภูมิภาคหนึ่งสามารถเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาคอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่านวัตกรรมไม่ได้เป็นของเมืองใดเมืองหนึ่ง แต่เป็นของทุกชุมชน ดังนั้นการขับเคลื่อนธุรกิจนวัตกรรมผ่านกลไกการสนับสนุนทั้งจากอุทยานวิทยาศาสตร์ไทยและอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค เป็นกำลังหลักในการกำหนดรูปแบบระบบนิเวศนวัตกรรมที่มีพลวัตมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การรวมตัวกันภายใต้ ASPA 2025 นี้ มีทั้งโอกาสและความรับผิดชอบในการเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านอีเอสจีขององค์กรธุรกิจ กระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายระดับภูมิภาค และแสดงให้เห็นว่าอุทยานวิทยาศาสตร์ไม่ได้เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับงานด้านการวิจัยและพัฒนา แต่เป็นพื้นที่ที่เร่งให้ธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมเติบโตได้เร็วขึ้นผ่านการเชื่อมโยงกับทุกมิติที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน


ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ กล่าวว่า สวทช. ในฐานะหน่วยงานหลักที่ดูแลอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย และเป็นแกนกลางของระบบนิเวศนวัตกรรมของชาติ มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่ง ที่จะใช้ศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ขับเคลื่อนภาคธุรกิจให้ก้าวสู่เส้นทางอีเอสจีอย่างเป็นรูปธรรม โดยการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทยในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพ ความพร้อมและความมุ่งมั่นของประเทศในการเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมในภูมิภาคเอเชียรวมถึงบทบาทสำคัญของอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยในการเป็นกลไกหลักเพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจปรับตัวและเติบโตอย่างยั่งยืน


ด้าน ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สวทช. และผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะเจ้าภาพจัดงาน ASPA 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 6 พฤศจิกายน 2568 มีผู้นำจากอุทยานวิทยาศาสตร์กว่า 15 ประเทศทั่วเอเชียและยุโรป รวมถึงภาคเอกชน นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบาย เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิด ความร่วมมือ และทิศทางการขับเคลื่อนระบบนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนของโลกใบนี้


โดยตลอดการจัดงานมีการบรรยายหัวข้อสัมมนาที่น่าสนใจ อาทิ “เสริมพลังพันธมิตรบนเส้นทางอีเอสจี: เจาะลึกข้อมูลเชิงลึกระดับนานาชาติจากเขตนวัตกรรมกลาสโกว์” (Empowering Partners on the ESG Journey: International Insights from Glasgow’s Innovation Districts) โดยศาสตราจารย์จูเลียน เทย์เลอร์, หัวข้อ “ความร่วมมือข้ามพรมแดนด้านอีเอสจี: เส้นทางสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน” (Cross-Border ESG Partnerships: A Pathway to Sustainable Growth) โ ดยศาสตราจารย์ฮีควัน ลี ผู้อำนวยการคลัสเตอร์นวัตกรรมอินชอน (Incheon Innovation Cluster) เกาหลีใต้, และหัวข้อ “การขับเคลื่อนการเติบโตที่ยึดหลักอีเอสจี: รูปแบบธรรมาภิบาลที่สนับสนุนอุทยานวิทยาศาสตร์และสตาร์ทอัป” (Enabling ESG-Driven Growth: Governance Models Supporting Science Parks and Startups) โดยคุณปีเตอร์ ม็อก ประธานฮับอิเล็กทรอนิกส์เควียนไฮ (Qianhai E-Hub) จีน นอกจากนี้ยังมีการบอกเล่าและแชร์ประสบการณ์ของสตาร์ทอัปไทยและภูฎานในหัวข้อ “2 กรณีการใช้งานจริงในการแก้ปัญหาแบบอีเอสจีที่เกิดขึ้นใหม่” (2 Real-World Use Cases on Emerging ESG Solutions) เป็นการฉายภาพให้เห็นถึงรูปแบบการส่งเสริมและสนับสนุนสตาร์ทอัปของทั้ง 2 ประเทศผ่านกลไกของหน่วยงานที่ขับเคลื่อนนวัตกรรม รวมทั้งยังมี หัวข้อการสนทนาพิเศษ (Fireside Chat) “ยิ่งกว่าโครงสร้างพื้นฐาน: พลังที่แท้จริงของอุทยานวิทยาศาสตร์ในยุคอีเอสจี” (Beyond Infrastructure: The Real Power of Science Parks in the ESG Era) โดยศาสตราจารย์ฮีควัน ลี และคุณปีเตอร์ ม็อก ดำเนินรายการโดย คุณวัชรินทร์ วิทยาเวชรศักดิ์ ผู้อำนวยการสมาคมไทยบิสป้า (Thai-BISPA) ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานทั้งในและต่างประเทศมาร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างคั


กำลังโหลดความคิดเห็น