โลกของเราได้โคจรรอบดวงอาทิตย์ ใช้ระยะเวลาประมาณ 365 วัน ในแต่ละวันเราจะเห็นดวงอาทิตย์ที่ปรากฏจะมีตำแหน่งที่ไม่เหมือนกัน โดยจะเปลี่ยนตำแหน่งประมาณวันละ 1 องศา ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ไปทางเหนือเรื่อยๆ และจะหยุดที่จุดเหนือสุดในวันที่ 21 มิถุนายน ของทุกปี ในวันนี้จะเรียกว่า “วันครีษมายัน” วันที่มีเวลากลางวันยาวนานที่สุดในปี
ครีษมายัน(ครีด-สะ-มา-ยัน) (Summer Solstice) โดยในวันนี้ช่วงเวลากลางวันจะยาวนานที่สุด และมีช่วงเวลากลางคืนสั้นที่สุดในรอบปี เนื่องจากองศาของดวงอาทิตย์ได้เดินทางไปถึงจุด “Solstice” เป็นภาษาอินโดยูโรเปียน คำว่า “Stice” หมายถึง สถิต หรือ หยุด ดังนั้น Summer Solstice จึงหมายถึงวันที่ดวงอาทิตย์โคจรไปถึงจุดหยุด หรือจุดสุดทางเหนือ
การเกิดปรากฏการณ์นี้ เกิดขึ้นจากองศาการเอียงของโลกและการโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้ในแต่ละวันดวงอาทิตย์จะปรากฏในตำแหน่งต่างกัน โดยจะมีการเปลี่ยนตำแหน่งไปประมาณวันละ 1 องศา ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ไปทางเหนือเรื่อยๆ และจะหยุดที่จุดเหนือสุดในวันที่ 21 มิถุนายน จากนั้นจะค่อยๆ เคลื่อนลงมาทางใต้ ในวันดังกล่าวดวงอาทิตย์จะขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด และตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด จึงทำให้มีช่วงเวลากลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี นับเป็นวันเริ่มต้นฤดูร้อนของประเทศทางซีกโลกเหนือ และเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศทางซีกโลกใต้
สำหรับประเทศไทย ในวันที่ 21 มิถุนายน ดวงอาทิตย์จะขึ้นเวลาประมาณ 05:51 น. และจะตกลับขอบฟ้า เวลาประมาณ 18:47 น.
ใน 1 ปี หรือ 365 วัน ที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ จะเกิดปรากฏการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการขึ้น - ตก ของดวงอาทิตย์ทั้งหมด 4 ครั้ง ได้แก่ วันครีษมายัน - วันที่กลางวันยาวนานที่สุด วันเหมายัน - วันที่กลางคืนยาวนานที่สุด วันวสันตวิษุวัต และ วันศารทวิษุวัต – วันที่มีช่วงเวลากลางวันและกลางคืนยาวนานเท่ากัน
ข้อมูลอ้างอิง : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ