xs
xsm
sm
md
lg

GISTDA เผย การรับมือภัยพิบัติ “น้ำท่วม” ด้วยเทคโนโลยีดาวเทียม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปัญหา “น้ำท่วม”เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ประเทศไทยต้องเผชิญอยู่ทุกปี การเตรียมความพร้อมในการรับมือจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยบรรเทาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น และ “เทคโนโลยีดาวเทียม” ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่ถูกนำมาใช้ในการติดตาม เฝ้าระวังและวางแผนในการรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่ผ่านมา หลายคนอาจจะเคยเห็นภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงน้ำท่วมขังในพื้นที่ต่างๆ แต่ “ภาพถ่ายดาวเทียม”ไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่แสดงพื้นที่น้ำท่วม

ปัจจุบันเทคโนโลยีดาวเทียมถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือ (tool) ในการติดตามและเฝ้าระวังทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเกิดภัยพิบัติด้านน้ำ โดยการนำข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมหลายช่วงเวลา (Time series) ติดตามพื้นผิวน้ำในแต่ละช่วงเวลา ทั้งก่อนและหลังฤดูแล้งและในช่วงฤดูฝน เพื่อวิเคราะห์ขอบเขตน้ำและน้ำท่วมขังบนภาพถ่ายดาวเทียมและนำมาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลด้านเศรษฐกิจ สังคม เช่น ประชาชน โรงเรียน โรงพยาบาล และพื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบ เพื่อใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่ในสภาวะวิกฤต และเมื่อสิ้นสุดสถานการณ์ ข้อมูลพื้นที่น้ำท่วมที่ได้จากเทคโนโลยีดาวเทียมนี้ สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์ความถี่ของน้ำท่วม เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการวางแผนป้องกันและระวังสถานการณ์ในปีถัดไป


ดร.สยาม ลววิโรจน์วงศ์ ผู้อำนวยการสำนักประยุกต์และบริหารภูมิสารสนเทศ GISTDA กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2548 GISTDA ได้มีการวางแผนการรับสัญญาณดาวเทียมเพื่อใช้ในการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีการบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่มีภารกิจเฝ้าระวังด้านสภาพอากาศ ระดับน้ำในแม่น้ำ คลอง และสถานีตรวจวัดน้ำฝนในพื้นที่ ทำให้การวางแผนรับสัญญาณภาพถ่ายดาวเทียมมีความแม่นยำ และสอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ได้ข้อมูลพื้นที่น้ำท่วมที่เป็นปัจจุบัน เท่าทันต่อสถานการณ์และนำมาใช้ในการสนับสนุนภารกิจของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ


“ทั้งนี้ GISTDA ภายใต้การทำงานร่วมกับกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ : สทนช. ได้ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียมย้อนหลังไปมากกว่า 10 ปี เพื่อระบุพื้นที่ที่มีแนวโน้มเกิดน้ำท่วมซ้ำซาก ร่วมกับการติดตามค่าความชื้นดิน (soil moisture) ที่ได้จากการบูรณาการข้อมูลจากดาวเทียมและความชื้นในดินจากโมเดลของกรมทรัพยากรน้ำทุกๆ 15 วัน เพื่อตรวจสอบความชุ่มชื้นของดินและช่วยบ่งชี้พื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดภัยน้ำท่วมและดินโคลนถล่มโดยเฉพาะพื้นที่ลาดชัน สำหรับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถวางแผนเชิงป้องกันได้”



นอกจากนี้ การเพิ่มประสิทธิภาพของการได้มาของข้อมูลสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบันในภาวะวิกฤตเป็นสิ่งที่ GISTDA คำนึงถึง เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงพื้นที่สนับสนุนให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงได้มีการขอรับการสนับสนุนข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมหลากหลายช่วงเวลาและหลากหลายความละเอียดจากเครือข่ายความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอวกาศ เช่น เครือข่ายด้านภัยพิบัติ (Disaster Charter) และกลุ่มความร่วมมือระดับภูมิภาคเอเชีย (Sentinel Asia) โดยข้อมูลเหล่านี้จะนำมาใช้ติดตาม วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงและวางแผนให้เหมาะกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือในช่วงก่อนเกิดสถานการณ์นั้น ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาใช้ศึกษาสภาพการเปลี่ยนแปลงด้านทรัพยากร สิ่งแวดล้อมและการใช้ที่ดิน ร่วมกับการบูรณาการข้อมูลอื่นๆ เช่น ข้อมูลความสูงภูมิประเทศ (DEM) ข้อมูลปริมาณน้ำฝน เป็นต้น เพื่อประกอบการวางแผนและตัดสินใจในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ เช่น การป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่เมือง (urban flood) การตรวจสอบสิ่งกีดขวางทางน้ำ หรือการวางแผนดำเนินการจัดทำ flood way เพื่อเตรียมการเฝ้าระวัง และรับมือกับสถานการณ์น้ำที่อาจจะเกิดขึ้น


สำหรับปีนี้ GISTDA ได้วางแผนการใช้งานภาพถ่ายดาวเทียมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่การเตรียมการก่อนเกิดสถานการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะการสกัดข้อมูลสิ่งกีดขวางทางน้ำ (ผักตบชวา) ในลำน้ำจากภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อเป็นข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปใช้ในการขุดลอกลำน้ำ ช่วยให้การไหลของน้ำในพื้นที่เป็นไปได้สะดวกขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง และหน่วยงานในระดับพื้นที่ สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการวางแผนและดำเนินการก่อนเข้าสู่ฤดูน้ำหลากได้ และเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูน้ำหลาก การวางแผนสั่งถ่ายภาพดาวเทียมที่บันทึกด้วยระบบเรดาร์ (radar) ที่สามารถถ่ายภาพทะลุเมฆหมอกในช่วงฤดูฝน จะนำมาใช้เป็นข้อมูลหลักในการวิเคราะห์ขอบเขตพื้นที่น้ำท่วมขัง ข้อมูลนี้สามารถซ้อนทับกับพื้นที่เพาะปลูกที่เป็นปัจจุบัน รวมถึงตำแหน่งอาคารบ้านเรือนต่างๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจ่ายค่าชดเชยเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมได้อีกทางหนึ่ง


อย่างไรก็ดี GISTDA ยังมีแผนการใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมของประเทศไทยทั้งดาวเทียมไทยโชต และดาวเทียม THEOS-2 ที่มีรายละเอียดภาพขนาด 50 เซนติเมตร เพื่อช่วยจำแนกแยกแยะพื้นที่น้ำท่วมขังและวางแผนป้องกันในระดับพื้นที่ หรือระดับครัวเรือน โดยหน่วยงานที่สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ ได้แก่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการเกษตร กรมชลประทาน เป็นต้น

ส่วนข้อมูลพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากที่ได้จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมมากกว่า 10 ปี ยังสามารถนำมาใช้ในการระบุและชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงและเฝ้าระวัง เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้นให้กับหน่วยงานที่ต้องมีการวางแผนรับมือและเตรียมการช่วยเหลือในด้านต่างๆ เช่น การจัดตั้งศูนย์อพยพ การแจกถุงยังชีพ และการให้การรักษาพยาบาล รวมทั้งการจัดลำดับความสำคัญในพื้นที่ในภาวะเร่งด่วน

ข้อมูลน้ำท่วมที่ได้จากเทคโนโลยีดาวเทียม GISTDA ได้มีการจัดทำข้อมูลและเผยแพร่ผ่าน “ระบบสนับสนุนการตัดสินใจเพื่อการบริหารจัดการพื้นที่ภัยพิบัติ” หรือ “GISTDA Disaster Platform” ซึ่งเป็นระบบการให้บริการข้อมูลด้านภัยพิบัติที่ได้จากเทคโนโลยีอวกาศ โดยเฉพาะน้ำท่วม ไฟป่า หมอกควัน รวมถึงภัยแล้ง เพื่อให้ประชาชน หน่วยงาน และผู้สนใจทั่วไป ติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติได้แบบ near real-time ผ่านระบบเว็บแอปพลิเคชั่น โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ข้อมูลทั้งในรูปแบบของแผนที่ (JPEG) ตาราง (Excel) สรุปรายงาน (PDF) รวมทั้งข้อมูล GIS Shapefile ได้ นอกเหนือจากข้อมูลข้างต้น แพลตฟอร์มนี้ยังมีข้อมูลด้านสภาพอากาศ และข้อมูลภูมิสารสนเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลสภาพอากาศ ข้อมูลความหนาแน่นของประชากร ตำแหน่งที่ตั้งสถานที่สำคัญ พื้นที่เพาะปลูก สำหรับใช้เป็นข้อมูลประกอบการประเมินผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ-สังคมเบื้องต้น รวมทั้งให้ข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยพิบัติประจำวัน (Dashboard) เพื่อนำมาใช้ประกอบการวางแผน คาดการณ์ และตัดสินใจในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่อีกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น