GISTDA เผย ค่าฝุ่นเช้าวันนี้ พบ 6 จังหวัด โซนเหนือ อีสาน คุณภาพอากาศเมีผลต่อสุขภาพ ส่วนพื้นที่ กทม. อากาศยังคงสดใสต่อเนื่อง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ, กรมควบคุมมลพิษ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมง ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมผ่านแอปพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 08.00 น. ของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 พบ 6 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีแดง ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ คือ นครพนม 84.3 ไมโครกรัม อำนาจเจริญ 81.2 ไมโครกรัม มุกดาหาร 80.9 ไมโครกรัม ลำพูน 79.2 ไมโครกรัม ยโสธร 77.1 ไมโครกรัม ลำปาง 76.1 ไมโครกรัม และยังพบค่าฝุ่นที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพสีส้ม อีก 26 จังหวัดของประเทศ
สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครพบเช้าวันนี้ค่าคุณภาพอากาศดีมาก ทั่วทุกเขตพื้นที่
แอปพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” ยังคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่าหลายพื้นที่จะมีค่าคุณภาพอากาศที่ยังคงอยู่ในระดับสีส้มต่อเนื่องโดยเฉพาะโซนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้ ข้อมูลบนแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” มีการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมร่วมกับ AI (Artificial intelligence) ในการวิเคราะห์ค่าฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ร่วมกับการใช้ข้อมูลการตรวจวัด PM 2.5 จากกรมควบคุมมลพิษ, ข้อมูลสภาพอากาศ จากกรมอุตุนิยมวิทยา รวมถึงข้อมูลของแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น จุดความร้อน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มานำเสนอให้ในรูปแบบข้อมูลตัวเลขและค่าสีในระดับต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น
ประชาชนควรสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจตามมาโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ทั้งนี้ ท่านสามารถติดตามข้อมูล PM2.5 แบบรายชั่วโมงเพิ่มเติมผ่านแอปพลิเคชัน "เช็คฝุ่น"
ดาวน์โหลดใช้งานแอปพลิเคชัน เพียงท่านพิมพ์คำว่า เช็คฝุ่น ทั้งในระบบ IOS และ Android ก็สามารถใช้งานได้เลยทันทีครับ
เช็คฝุ่น PM 2.5 ด้วยข้อมูลจากอวกาศ https://www.gistda.or.th/news_view.php?n_id=6803&lang=TH
ค่าฝุ่น PM 2.5 จากการวัดด้วยแอปพลิเคชั่นต่างๆ และแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น”
https://www.gistda.or.th/news_view.php?n_id=6728&lang=TH