“สุวิทย์ เมษินทรีย์” รมว.การอุดมศึกษาฯ ยันนายกฯ เปิดกว้างแฟลชม็อบแสดงสิทธิเสรีภาพในพื้นที่มหาวิทยาลัยได้ แถมให้หาพื้นที่เพิ่มให้แสดงออกได้เต็มที่หลัง 10 เครือข่ายเยาวชนยื่นหนังสือ ขอพื้นที่ปลอดภัยภายในสถานศึกษา ไม่กีดกันสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของ นิสิต นักศึกษา หยุดใช้วาทกรรมนำไปสู่ความเกลียดชัง สั่งมหาวิทยาลัยดูแลความปลอดภัยเต็มที่ พร้อมขอคนในรัฐบาลหนุดพูดโจมตีนักศึกษา สร้างไลน์กลุ่มสื่อสารพร้อมรับฟังทุกเรื่องราว
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 มี.ค.ที่ห้องประชุมชั้น 18 สำนักงานปลัดกระทรวงการอุมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) 10 เครือข่ายเยาวชน อาทิ เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยงเครือข่าย เครือข่ายเยาวชนปกป้องสิทธิ เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต กลุ่มกล้าคิด สร้างมิตร สร้างประชาธิปไตย ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน นำโดยนายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานขบวนการสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาฯ เรื่อง ขอพื้นที่ปลอดภัยภายในสถานศึกษา ไม่กีดกันสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของ นิสิต นักศึกษา โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ดร.สุวิทย์ ได้ออกมาต้อนรับนักศึกษาด้วยตัวเองพร้อมกับมอบหน้ากากอนามัยให้กับแกนนำนักศึกษาด้วย
ทั้งนี้ นายธีรภัทร์ กล่าวว่า เครือข่ายมีความเป็นห่วงว่าจะมีบางมหาวิทยาลัยไม่เปิดโอกาสให้นักศึกษาแสดงออกทางความคิด ถ้ามหาวิทยาลัยไม่เปิดโอกาสให้แสดงออกก็ไม่รู้ว่าจะให้นักศึกษาไปแสดงออกที่ไหน เพราะมหาวิทยาลัยปลอดภัยที่สุดแล้ว พวกเราไม่ต้องการให้นักศึกษาลงถนน และแฟลชม็อบส่วนใหญ่ก็ไม่ได้กระทบกระเทือนการเรียน เพราะใช้เวลาที่นอกเหนือการเรียนการสอน และเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา พวกตนก็ได้เดินทางไปยื่นหนังสือที่กระทรวงศึกษาธิการ ด้วยเห็นว่า ยังมีการปิดกั้นการแสดงออกทางความคิดในโรงเรียน
ด้านนายสุรนาถ แป้นประเสริฐ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดความปัจจัยเสี่ยง กล่าวว่า ในฐานะกลุ่มคนทำงานด้านเด็กและเยาวชน ขอแสดงจุดยืนและเรียกร้องต่อรมว.การอุดมศึกษาฯ คือ 1. ขอให้กระทรวงการอุดมศึกษา ฯสั่งการให้สถานศึกษาทุกระดับในสังกัดเปิดพื้นที่ปลอดภัยในสถานศึกษา ให้แก่นักเรียน นิสิตนักศึกษา ได้แสดงออกทางความคิดได้อย่างเสรี และสร้างสรรค์ ไม่ปิดกั้นแทรกแซง 2. ขอให้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องประชาธิปไตยในสถานศึกษาอย่างจริงจัง ไปถึงการรู้สิทธิ หน้าที่ เคารพในความคิดต่าง การแสดงออกทางความคิดอย่างสันติ และการเคารพในสิทธิของผู้อื่น 3.ขอเรียกร้องให้รุ่นพี่ ศิษย์เก่า ผู้ปกครอง ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร่วมกันปกป้องการแสดงออกของนักเรียนนิสิตนักศึกษา ร่วมทำให้สถานศึกษาเป็นพื้นที่ปลอดภัย และให้การสนับสนุนตามความเหมาะสมอาทิ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ กระดาษ ปากกา ป้ายผ้า ฯลฯ 4. ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในสังคม รวมถึงสื่อมวลชนทุกแขนง หลีกเลี่ยงการใช้คำพูด หรือวาทกรรมที่จะนำไปสู่ความเกลียดชัง สร้างความแตกแยกในสังคม เราควรเรียนรู้และเคารพในความคิดต่างที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสร้างสรรค์ และ 5. ขอฝากถึงนักเรียน นิสิต นักศึกษา ให้ระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการสื่อสารที่อาจนำไปสู่การสร้างเงื่อนไขที่จะทำให้ผู้ไม่หวังดี หรือมือที่สามหยิบยกเข้ามาทำลายความชอบธรรม และบิดเบือนเจตนารมณ์ในการแสดงออก
ด้าน ดร.สุวิทย์ เมษินทคีย์ รมว.การอุดมศึกษาฯ กล่าวว่า ตนกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความเห็นตรงกันว่าควรเปิดกว้างให้นักศึกษาแสดงออกทางความคิดในหมาวิทยาลัยได้ ตราบใดที่ไม่ละเมิดกฎหมาย และนายกฯ ยังมอบหมายให้ตนหาพื้นที่เพิ่มเติมให้นักศึกษาได้แสดงออกทางความคิดอีกด้วย เพราะรัฐบาลเชื่อในเรื่องของเยาวชนเป็นผู้เปลี่ยนประเทศ อว. จึงมีโครงการยุวชนสร้างชาติก่อนมีแฟลชม็อบด้วยซ้ำ โดยมีความคิดในการที่จะนำนักศึกษาลงไปช่วยชุมชน ให้พวกเขามีหัวใจพองโตในการได้ทำประโยชน์เพื่อประชาชน เพื่อประเทศชาติ และอยากทำให้เสียงของนักศึกษามีพลัง พร้อมกับผสมผสานกับความคิดและมุมมองของผู้ใหญ่ เพื่อให้มีความแหลมคมขึ้น
ดร.สุวิทย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ตนได้สั่งการให้มหาวิทยาลัยดูแลความปลอดภัยให้กับนักศึกษาที่ร่วมชุมนุมอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งในระหว่างนี้ที่ตนเดินสายไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อเปิดพื้นที่ในการพูดคุยกับนักศึกษาก็ได้มีการดูแลและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดอย่างจริงจัง
“ผมได้ขอให้นายกฯ ขอความร่วมมือคนในรัฐบาลอย่าพูดสิ่งใดที่จะสร้างความขัดแย้งหรือโจมตีนักศึกษา ซึ่งนายกฯ ก็ได้มอบหมายตนโดยตรงให้รับผิดชอบในการเปิดพื้นที่พูดคุยและสร้างความเข้าใจกับนักศึกษา โดยไม่ทำตัวเป็น “คุณพ่อรู้ดี” เพราะถึงเวลาแล้วที่จะให้นักศึกษาและคนรุ่นใหม่ร่วมกันกำหนดอนาคตประเทศ หรือปรับเปลี่ยนหลายสิ่งหลายอย่างให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก นอกจากนี้ตนยังมีความคิดที่จะเปิดเวทีและเป็นสื่อกลางให้นักศึกษาได้มีโอกาสพบกับซีอีโอทั้งภาครัฐและเอกชน ปราชญ์ในด้านต่างๆ แม้กระทั่งนายกฯ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยตรงอีกด้วย“ ดร.สุวิทย์ กล่าวและว่า ที่สำคัญ เพื่อให้มีการสื่อสารกันอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มเครือข่ายเยาวชนและนักศึกษา ตนได้ขอให้เครือข่ายเยาวชนฯ ที่มายื่นหนังสือในวันนี้ช่วยสร้างกลุ่มไลน์และดึงตนเข้าไปเป็นสมาชิกในกลุ่ม ซึ่งตนยินดีที่จะรับฟังทุกเรื่องราว พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกคนอีกด้วย