เปิดงาน มหกรรมงานวิจัยส่วนภูมิภาค ชูแนวคิด “งานวิจัยเพื่อสร้างชุมชนนวัตกรรมและเศรษฐกิจภูมิภาค” ณ อุตรดิตถ์ 1-2 มี.ค.63 ชูงานวิจัยใช้ประโยชน์จากฐานทรัพยากรในจังหวัดสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับจังหวัดอุตรดิตถ์ และมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์และเครือข่ายวิจัยภูมิภาค : ภาคเหนือ จัดงาน "มหกรรมงานวิจัยส่วนภูมิภาค ประจำปี 2563 (Regional Research Expo 2020)” เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิดหลัก “งานวิจัยเพื่อสร้างชุมชนนวัตกรรมและเศรษฐกิจภูมิภาค” โดยเชื่อมโยงแนวคิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจบนเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจหลวงพระบาง อินโดจีน เมาะลำไย (Luangprabang-Indochina-Mawlamyine Economic Corridor : LIMEC) ระหว่างวันที่ 1 – 2 มีนาคม 2563 ณ อาคารหอประชุม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ลำรางทุ่งกะโล่ จังหวัดอุตรดิตถ์ ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. จัดงานมหกรรมงานวิจัยส่วนภูมิภาค ในครั้งนี้ เป็นการขยายผลสำเร็จจากการจัดงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ (Thailand Research Expo) ไปสู่การจัดเวทีในระดับภูมิภาค เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แก่นักวิจัยและนักวิชาการในระดับภูมิภาค ได้นำเสนอผลงานที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ยังเป็นการให้ผู้ใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยและผู้เกี่ยวข้องกับงานวิจัยในภาคเหนือได้เข้าถึงผลงานวิจัย นักวิจัย และผู้ให้บริการการวิจัยมากยิ่งขึ้น ในปีนี้ การจัดงานมหกรรมงานวิจัยส่วนภูมิภาค จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 1 – 2 มีนาคม 2563 ณ อาคารหอประชุม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ลำรางทุ่งกะโล่ จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดงานและปาฐกถาพิเศษเรื่อง “การขับเคลื่อนงานวิจัย นวัตกรรมในสถาบันอุดมศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจภูมิภาค” โดยมีนายธนากร อึ้งจิตรไพศาล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ และรองศาสตราจารย์ ดร.พินิติ รตะนานุกูล นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ กล่าวต้อนรับ ท่านผู้มีเกียรติที่ร่วมงาน และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เรืองเดช วงศ์หล้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เวลา 09.00 น. ศ.นพ.สิริฤกษ์กล่าวว่า มหกรรมงานวิจัยส่วนภูมิภาคจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 แล้ว โดยมหกรรมงานวิจัยเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวง อว. ซึ่งมี 4 แพลตฟอร์มในการพัฒนาประเทศด้วย วิทยาศาสร์ วิจัยและนวัตกรรม และหนึ่งในนั้นคือการสร้างความเจริญในพื้นที่ ลดความเหลื่อมล้ำ โดยมีนโยบายให้มหาวิทยาลัยในพื้นที่ทำให้เกิดจตุรภาคีของภาครัฐ ภาคเอกชน ฝ่ายวิชาการ และการบริหารท้องถิ่น ซึ่งจะตั้งโจทย์ให้ตรงความต้องการของพื้นที่แล้วใช้กลไกมหาวิทยาลัยขับเคลื่อน"เราจัดงานขึ้นทุกปีโดยเวียนเจ้าภาพไปตามภูมิภาคต่างๆ โดยแต่ละพื้นที่มีจุดแข็ง จุดอ่อนต่างกันไป สำหรับการจัดงานที่ มรภ.อุตรดิตถ์ ชูเรื่องการใช้ประโยชน์ทรัพยากรท้องถิ่น มีงานวิจัย 70 ผลงาน และมีอีก 30 งานวิจัยจากวิสาหกิจขุมชน โดยผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลไม้มาขับเคลื่อนสู่การทำเกษตรยั่งยืน" ศ.นพ.สิริฤกษ์กล่าวด้าน ผศ.ดร.เรืองเดช กล่าวถึงการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมงานวิจัยส่วนภูมิภาคในปีที่ 8 ภายใต้แนวคิด "งานวิจัยเพื่อสร้างชุมชนนวัตกรรมและเศรษญกิจภูมิภาค" เนื่องจากภาคเหนือเป็นภูมิภาคที่อยู่ด้านบนสุดของไทย มีความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับอาณาจักรล้านนา รวมทั้งภาคเหนือยังเป็นระเบียงเศรษฐกิจไลเมค (LIMEC) ที่ขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านระหว่างลาวมายังด่านพรมแดนภูดู่ จ.อุตรดิตถ์ และพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ที่ประกอบด้วยอุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และตาก โดยออกจากประเทศไทยที่ด่านพรมแดนแม่สอด จ.ตาก สู่เมียนมาร์ที่ด่านเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง รัฐมอญ "ดังนั้นมหกรรมงายวิจัยภูมิภาคประจำปี 2563 นี้ จึงมุ่งนำเสนองานวิจัยที่มีความสอดคล้องกับระเบียงเศรษฐกิจไลเมค และงานวิจัยที่สร้างชุมชนนวัตกรรมและเศรษฐกิจภูมิภาคเพื่อเป็นกลไกการขับเคลื่อนงานวิจัย เพื่อสร้างชุมชนนวัตกรรมและสร้างเศรษฐกิจภูมิภาค เพื่อการจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน และต่อเนื่องไปยังอนาคตต่อไป"ภายในงาน วช. ยังมีการแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและนิทรรศการผลงานวิจัย จำนวนกว่า 100 ผลงาน การประชุมสัมมนาวิชาการ และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ตัวอย่างผลงานไฮไลท์ ผลงานเด่น ที่จะนำมาจัดแสดงในงานมหกรรมงานวิจัยส่วนภูมิภาค ได้แก่ เทคโนโลยีการผลิตและแปรรูปมะขามหวานครบวงจร เทคโนโลยีการแปรรูปมะม่วงเชิงพาณิชย์ เทคโนโลยีแปรรูปสับปะรดครบวงจร เทคโนโลยีแปรรูปกาแฟวนเกษตร เทคโนโลยีลางสาด signature ผู้สนใจเข้าร่วมงาน " มหกรรมงานวิจัยส่วนภูมิภาค ประจำปี 2563 (Regional Research Expo 2020)" โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น