"พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์" คว้ารางวัลผู้นำนโยบายสตาร์ทอัพระดับชาติของโลก เฉือนผู้บริหารระดับรัฐมนตรีจากอีก 6 ประเทศ ในเวทีประชาคมสตาร์ทอัพระดับโลก ซึ่งจัดโดย Global Entrepreneurship Network ในงาน Startup Nations Summit ที่เมืองคอร์ค สาธารณรัฐไอร์แลนด์
ภายในงาน Startup Nations Summit ประจำปี 2559 เมื่อวันที่ 20 พ.ย.59 ณ เมืองคอร์ค สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเวทีแห่งประชาคมสตาร์ทอัพระดับโลก ที่จัดขึ้นโดย Global Entrepreneurship Network มีการมอบรางวัลใน 3 สาขา ได้แก่ 1) สาขาผู้ขับเคลื่อนสตาร์ทอัพระดับชุมชนเมือง 2) สาขาผู้นำด้านนโยบายสตาร์ทอัพระดับชาติ และ 3) สาขาผู้ริเริ่มกิจกรรมสตาร์ทอัพใหม่ๆ
ผลปรากฎว่า ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากประเทศไทย ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ได้รับรางวัลในสาขาผู้นำด้านนโยบายสตาร์ทอัพระดับชาติ ซึ่งสาขานี้มีผู้เข้ารอบสุดท้ายระดับรัฐมนตรี 7 ท่านจากหลายประเทศในโลก อาทิ ออสเตรีย และโปรตุเกส เป็นต้น ทั้งนี้ผู้คว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ในปีที่ผ่านมาคือ ดร. ชอย ยาง ฮี รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการสื่อสาร และการวางแผนอนาคต จากเกาหลีใต้
ทั้งนี้ ดร.พิเชฐฯ กล่าวหลังจากการขึ้นรับรางวัลดังกล่าวว่ารู้สึกเป็นเกียรติแก่ประเทศไทยมากที่สตาร์ทอัพไทยได้ก้าวขึ้นมาในเวทีระดับโลกในช่วงระยะเวลาไม่นาน ซึ่งรางวัลนี้แสดงถึงความยอมรับในสตาร์ทอัพของไทยในสายตาของประชาคมสตาร์ทอัพจากทั่วโลก และขอบคุณนายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง และให้โอกาสผลักดันขับเคลื่อนอย่างเต็มกำลัง
“ต้องขอบคุณผู้บริหารและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุคลากรระดับต่างๆ ในกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ที่ทุ่มเท และทำงานประสานกับกระทรวงต่างๆ และสตาร์ทไทยได้อย่างเหนียวแน่นและมีความก้าวหน้าเป็นที่ประจักษ์ จนกระทั่งได้รับการยอมรับในระดับสากล”
ดร.พิเชฐฯ ยังมีอีกภารกิจสำคัญในการเดินทางมาสาธารณรัฐไอร์แลนด์ครั้งนี้คือ การเข้าร่วมงาน Startup Nations Summit และการบรรยายในการประชุม Policy Priorities for 2017 เพื่อช่วยกันกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายสตาร์ทอัพและเตรียมการก่อนการประชุมใหญ่ Global Entrepreneurship Congress (GEC) ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม ปีหน้าที่นครโยฮันเนสเบิร์ก ประเทศอาฟริกาใต้ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้นำและผู้เกี่ยวข้องในสาขาต่างๆมารวมตัวกันราว 10,000 คน จาก 165 ประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้ยังมีโอกาสร่วมหารือกับ นายโจนาธาน ออร์สมานส์ ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายพัฒนาผู้ประกอบการโลก (Global Entrepreneur Network) ในเรื่อง ภาวะผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) ของโลก ซึ่ง ดร.พิเชฐฯ ได้นำเสนอในสิ่งที่ประเทศไทยได้ทำมา เช่น การจัดงานสตาร์ทอัพไทยแลนด์ (Startup Thailand) และสตาร์ทอัพไทยแลนด์ระดับภูมิภาค (Regional Startup Thailand) ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากรัฐบาล เนื่องจากมีการเล็งเห็นความสำคัญที่จะให้สตาร์ทอัพเป็นอีกหนึ่งกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
“ผมได้แบ่งปันแนวนโยบายว่า ประเทศไทยมองเรื่องสตาร์ทอัพและภาวะผู้ประกอบการมากไปกว่าในกลุ่มของไอทีหรือไฮเทคเท่านั้น แต่จะใช้เป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาเดิมๆ ที่ประเทศไทยมีโดยเฉพาะในภาคการเกษตร และจะใช้เพื่อช่วยลดช่องว่างระหว่างชนชั้นในสังคม กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ต้องการใช้กลไกของสตาร์ทอัพเป็นแรงดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้มาช่วยแก้ปัญหาด้านการเกษตร รวมถึงเพิ่มคุณค่าของการเกษตร เพื่อเป็นแรงดึงดูดให้คนรุ่นใหม่กลับไปทำงานที่บ้านเกิด แทนที่จะต้องมาเป็นลูกจ้างในบริษัทในเมืองหลวง” ดร.พิเชฐฯกล่าว
ขณะนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กำลังทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ ในการนำหลักสูตรเรื่องงผู้ประกอบการเข้าไปสอนในมหาวิทยาลัย รวมถึงการช่วยสร้างระบบนิเวศให้กับระบบสตาร์ทอัพของไทย ซึ่ง ดร.พิเชฐฯ ระบุว่าเพื่อให้การศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้น กลับมีชีวิตชีวาเพิ่มมากขึ้น โดยนายโจนาธานได้แสดงเจตนารมณ์ในการช่วยทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศชั้นแนวหน้าในการผลักดันนโยบายในด้านผู้ประกอบการ ด้วยเห็นว่าสตาร์ทอัพและ ผู้ประกอบการจะเป็นกุญแจสำคัญเพื่อให้เกิดการเติบโตของเศรษฐกิจและมีความมั่นคงทางสังคม แต่ก็มีปัญหาใหญ่ๆ ที่สตาร์ทอัพไม่สามารถแก้ไขได้เอง แต่ต้องการการสนับสนุนและนโยบายที่เหมาะสมจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านการศึกษา หรือปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำ รวมถึงการแก้กฎหมายให้เหมาะสม และการสนับสนุนให้สตาร์ทอัพสามารถขยายตลาดในเวทีระดับประเทศ และระดับนานาชาติต่อไปได้