xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ: ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน 18 พฤศจิกายน 2559

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน วันนี้ ผมอยากให้พวกเราทุกคน ได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ อย่างหาที่สุดไม่ได้ แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยศาสตร์พระราชาของพระองค์นั้น อันประกอบด้วยตำราแม่ฟ้าหลวง แห่งองค์สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี สมเด็จย่า ของปวงชนชาวไทย ได้สร้างความสำเร็จภายใต้โครงการพัฒนาดอยตุง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ใช้เวลากว่า 30 ปี ในการพลิกฟื้นดอยตุงจากพื้นที่ทุรกันดาร ให้เป็นพื้นที่ทำกินของชาวไทยภูเขาและชนกลุ่มน้อย 6 เผ่า ซึ่งในอดีตนั้นมีสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ไม่มีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ไม่มีถนน ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีประปา ทำให้คนในพื้นที่ต้องหาทางรอด ด้วยการทำไร่หมุนเวียน ไร่เลื่อนลอย ปลูกฝิ่น ค้ายาเสพติด แล้วก็กลายเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่ที่สุด แห่งหนึ่งในขณะนั้น ทั้งนี้ด้วยการพัฒนาอย่างมีระบบ แบบแผน และมียุทธศาสตร์ ทำให้ภูเขาหัวโล้น กลายเป็นพื้นที่ป่า การทำไร่หมุนเวียนหมดไป มีป่าอนุรักษ์ ป่าใช้สอย และป่าเศรษฐกิจมาแทนที่ ทุกคนได้รับสัญชาติไทย ได้เข้าถึงระบบการศึกษา ซึ่งเป็นการ สร้างคนด้วยความรู้และการศึกษาในด้านวิชาการและวิชาชีพให้มีรายได้เลี้ยงดูตัวเองได้ เข้มแข็ง ยืนบนลำแข้งของตนเองได้ ในที่สุด ครอบครัวก็ได้อยู่ด้วยกันไม่ต้องเข้าไปหางานในเมือง

ปัจจุบันนั้นชาวไทยภูเขาและชนกลุ่มน้อย มีอาชีพหลักเป็นเกษตรกรรับจ้าง และพนักงานของโครงการ สามารถเพิ่มรายได้จากในอดีต เฉลี่ยไม่ถึง 4,000 เป็น 12,000 บาทต่อคนต่อปี จะเห็นว่าเพิ่มขึ้น 3 เท่า หลายคนที่มาทำงานกับโครงการ จนเก่ง เชี่ยวชาญ ก็สามารถกู้เงินไปทำกิจการของตัวเองได้ จากการขยายผลแห่งความสำเร็จดังกล่าวนั้น รัฐบาลร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้น้อมนำองค์ความรู้ของศาสตร์พระราชาและตำราแม่ฟ้าหลวง ในเรื่องของการจัดการทรัพยากรป่าไม้ ดิน และน้ำ ไปปรับใช้ ในโครงการปลูกป่าสร้างคนบนวิถีพอเพียง เพื่อรักษาต้นน้ำ และบรรเทาอุทกภัย ในพื้นที่ 250,000 ไร่ ใน 3 อำเภอ ของจังหวัดน่าน ทั้งนี้ก็เพื่อจะอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศป่าไม้ รวมทั้งให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและส่งเสริมให้ชุมชนอยู่ร่วมกันกับป่าได้อย่างยั่งยืน ผลการดำเนินการ ในขณะนี้สามารถเพิ่มพื้นที่ป่าอนุรักษ์ขึ้น จาก 40% เป็น 60% และเปลี่ยนพื้นที่การปลูกข้าวโพดบนพื้นที่สูง ให้เป็นป่าเศรษฐกิจได้ และมีผลตอบแทนสูงกว่าการปลูกข้าวโพด รวมทั้งช่วยลดการเกิดไฟป่า จาก 76,000 กว่าไร่ เหลือเพียง 89 ไร่ ในปี 2558 นอกจากนั้นรัฐบาล โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ตามดอยตุงโมเดล ไปดำเนินการตามยุทธศาสตร์บูรณาการ สำหรับการจัดการป่าเสื่อมสภาพ บนพื้นที่สูงชัน ที่เรียกว่าภูเขาหัวโล้น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่า ใน 13 จังหวัดภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในปีนี้นั้น รัฐบาลได้น้อมนำแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนนี้ไปใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยการบูรณาการหน่วยงานของรัฐ อย่างมียุทธศาสตร์ เสริมด้วยกลไกประชารัฐ ในพื้นที่อีกด้วย

ปัจจุบันนั้นศาสตร์พระราชา ภายใต้ดอยตุงโมเดล ได้รับการยกย่องและยอมรับจากประชาคมโลก ให้เป็นแบบอย่าง ของแนวทางการพัฒนา ที่นำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน หลายประเทศนำไปขยายผล เช่น โครงการส่งเสริมปศุสัตว์และพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ธนาคารแกะ ครอบคลุม 500 ครัวเรือน ใน 15 หมู่บ้าน จังหวัดบัลห์ สาธารณรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน และโครงการพัฒนาทางเลือกในการดำรงชีวิตที่ยั่งยืน จังหวัดอาเจะห์ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในการฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของชาวอาเจะห์ และเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัด หลังประสบความขัดแย้งภายในประเทศมานานกว่า 30 ปี และเผชิญภัยภิบัติสึนามิ เมื่อปี พ.ศ. 2547 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติให้การรับรองศาสตร์พระราชานี้ ให้เป็นหลักปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือก อีกด้วย เราจะเห็นได้ว่าความสำเร็จของโครงการพัฒนาดอยตุง หรือโครงการพัฒนาใดๆ รวมทั้งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่มีอยู่กว่า 4,000 โครงการนั้น ล้วนเป็นการดำเนินงานที่มียุทธศาสตร์ อาศัยระยะเวลา ค่อยเป็นค่อยไป อาจใช้เวลานานนับ 10 – 20 ปี 30 ปีก็ได้

องค์ประกอบที่สำคัญสู่ความสำเร็จ 3 ประการ คือ 1.ความจริงใจของรัฐบาลและผู้ปฏิบัติ 2.ความร่วมมือจากประชาชนผู้ที่รับการพัฒนา และ 3. การดำเนินการอย่างมียุทธศาสตร์ มีเป้าหมายชัดเจน ทั้งนี้รัฐบาลได้น้อมนำศาสตร์พระราชาที่สำคัญก็คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาประยุกต์ใช้ ร่วมกับศาสตร์อื่นๆ ให้เหมาะสมกับบริบทของประชาชน ท้องถิ่น สถานการณ์ และสภาพของปัญหา ด้วยการระเบิดจากข้างใน จากตัวประชาชนเอง เกษตรกรเอง ไม่ยัดเยียด เน้นสร้างความเข้มแข็งให้กับท้องถิ่น โดยให้ทุกกระทรวง จัดทำยุทธศาสตร์ เป็นแผนที่นำทาง ระยะเวลา 20 ปี ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ สำหรับการทำงานร่วมกันของรัฐบาล สถานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ให้มีการทำงานอย่างประสานสอดคล้องกัน รวมถึงการจัดทำแผนการใช้งบประมาณของประเทศ ทั้งในการลงทุน, การวางรากฐาน และการพัฒนาประเทศ ในด้านต่างๆ อย่างบูรณาการ เราจะต้องยึดหลัก ธรรมาภิบาล 6 ประการ ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่าเป็นสำคัญ ปัจจุบันนั้นรัฐบาลอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแนวทางในการบริหารราชการแผ่นดิน ตามยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี โดยมีกระบวนการที่เน้นความสอดคล้องและการบูรณาการ ทั้งแผนงานโครงการและแผนงานงบประมาณ ดังนี้ 1.ในระดับรัฐบาล จะมีการกำหนดวิสัยทัศน์ กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ย่อย จัดทำแผนแม่บทที่ระบุทุกกิจกรรมหลักๆ ช่วง 20 ปีข้างหน้าที่จะเกิดขึ้น ทยอยเกิดขึ้นนะครับ เราได้แบ่งออกเป็นห้วงเวลาการปฏิบัติ ตามโรดแมป หรือแผนที่นำทางของเรานั่นก็คือ 5 ปีแรกคือ 1 บวก 4 คือ 1 ในปีนี้ 59-60 แล้วบวกอีก 4 ปีข้างหน้า จากนั้นก็เป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อีก 3 แผน 5 , 5, 5 คือแผนที่ 13 ,14 , 15

วันนี้เราอยู่แผน 12 ช่วง 5 ปีแรก คือ 1 บวก 4 หมายถึงปีงบประมาณ 2560 นี้ บวกกับ อีก 4 ปี ที่เหลือในวันข้างหน้า และต่อๆ ไป ก็ทุกช่วง ช่วงๆ ละ 5 ปี สามารถปรับเปลี่ยนได้นะครับ เรามีแผนแม่บทวางไว้ให้เห็นอนาคตไว้ แต่ทั้งนี้ถ้าทำดีขึ้น ก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลก ปัจจุบันนั้นอย่างที่เรียนไปแล้วว่า เรามีแผน 12 อยู่ เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการให้เกิดมีการเปลี่ยนแปลง การปฏิรูปอย่างแท้จริง เราต้องวางแผนระยะยาว 12 ต่อไป 13 ไป 14 ไป 15 นั่นแหละคือคำว่า 20 ปี เราต้องแสดงให้เห็นว่า เราจะเกิดการเปลี่ยนแปลง มีการปฏิรูป กิจกรรมได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางกายภาพอะไรบ้าง อย่างไรบ้าง ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกระดับ ทุกอาชีพ จะดีขึ้นได้อย่างไร รวมทั้งผลประโยชน์ของชาติโดยรวมนั้นจะดีขึ้น มากขึ้นได้อย่างไร เช่น รายได้ ชีวิตความเป็นอยู่ ทั้งนี้ก็จะเป็นการกำหนดผลประโยชน์ของประเทศไว้ล่วงหน้า ทุกๆ 5 ปี เราสามารถจะประมาณการล่วงหน้าให้เป็นเป้าหมายไว้ได้เพื่อจะเดินตามนั้น ว่ารายได้ประชาชน รายได้ประเทศ คุณภาพชีวิต แต่ละกลุ่มจะดีขึ้นอย่างไร โดยจะต้องกำหนดตัวชี้วัดเชิงปริมาณ เชิงคุณภาพ ที่ประเมินค่าได้จริงนะครับ 2. ก็คือในระดับกระทรวง รัฐวิสาหกิจ ก็ต้องมีการกำหนดวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ แผนแม่บท เป็นของตนเอง ในระยะ 20 ปี เช่นกัน ให้สอดรับยุทธศาสตร์ชาติ และตอบโจทย์แผนแม่บทของชาติ ซึ่งแผนแม่บทระดับกระทรวง รัฐวิสาหกิจนี้ ต้องมีรายละเอียด รายกิจกรรม จัดทำเป็นแผนงาน โครงการ ที่มีแผน การใช้จ่ายงบประมาณประกอบ พร้อมทั้งวางโรดแมป ระยะ 20 ปี ไปด้วยนะครับ 4 ช่วงๆ ละ 5 ปี โดยทำพร้อมกันในช่วงการเริ่มต้นนี้ ให้สามารถติดตาม ตรวจสอบ ประเมินได้ว่าอะไรทำเสร็จแล้ว อะไรจะเริ่มใหม่ อะไรที่ยังไม่เสร็จ อะไรต้องทำต่อ ให้สามารถจับต้องได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม แผนก็คือแผนย่อมมีการปรับปรุงได้ตามความเหมาะสม เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยน ปัจจัยภายใน ภายนอก อาจจะมีส่งผลกระทบกับแผนที่วางไว้ ก็ต้องสามารถแก้ไขได้อาจจะต้องมีการทบทวน รายปี ราย 5 ปี โดยการประเมินจากปัจจัยต่างๆ ตลอดเวลาจะทำให้การตัดสินใจในวันข้างหน้านั้นได้ดีขึ้น ทำในสิ่งที่ดีกว่าแผนในปัจจุบัน ให้ทันกับสถานการณ์ทั้งในประเทศและสถานการณ์โลก ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ การทำแผนปฏิบัติการของทุกหน่วยงานนั้น ต้องมีรายละเอียด แยกงานตามกลุ่มกิจกรรม อันแรกคือ คืองานฟังชั่นนะครับ ภาษาไทยก็คืองานตามหน้าที่พันธกิจ ภารกิจที่มีอยู่เดิมของทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน รัฐวิสาหกิจด้วยนะครับ 2. คืองานบูรณาการ ที่เรียกว่างานนโยบาย ภาษาอังกฤษเรียกว่า Agenda นะครับ ก็เป็นงานอื่น ๆ นะครับ งานเกี่ยวกับเรื่องหนี้สาธารณะ เรื่องการบริหารการเงิน การคลัง ทำนองนี้นะครับ มันมีแผนงานย่อยอีก ผมให้ความสำคัญกับ 2 แผนงานนี้ กับแผนงานหนี้สาธารณะ นะครับ ที่จะต้องปรับให้สอดคล้องกันทั้งหมด สำหรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ทั้ง 2 งบงาน งานฟังชั่น งานบูรณาการ นั้นต้องมีความชัดเจน และให้ความสำคัญกับช่วง 5 ปีแรก คือ 1+4 คือ ปี 59- ปี60 และ 4 ปีข้างหน้านี้ก่อน ซึ่งผมเน้นย้ำเสนอ ถึงต้องมีการพิจารณาอย่างระมัดระวัง ไม่เกิดผลกระทบจากการใช้จ่ายงบประมาณประเทศ ต้องอยู่ภายใต้กรอบของวินัยการเงินการคลัง ในภาพรวมของประเทศนั้น ต้องมีรายรับเพิ่มเติมให้กับทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย รายได้ประเทศจะต้องสามารถชี้แจงได้ว่าจะหามาจากไหน อย่างไร หรือผลประโยชน์ในรูปแบบอื่น ๆ จะมีอะไรบ้าง ใครจะได้รับผลประโยชน์เหล่านั้นบ้าง อันนี้เพื่อให้ประชาชนทุกคนนั้นรู้ถึงอนาคต นอกจากนั้น สิ่งที่สำคัญที่ผมต้องการเน้นย้ำ ก็คือ

1.ความสอดคล้องกัน ในระดับชาติ กระทรวง รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานข้างล่าง ที่เกี่ยวข้อง นะครับ 2.การบูรณาการ ทั้งแผนงานโครงการและแผนงบประมาณ ในกิจกรรมเดียวกัน เกี่ยวข้องกัน ที่อาจจะส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน ต้องมีการวางแผนร่วมนะครับ ลดความซับซ้อนใช้งบประมาณอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพ สมเหตุสมผล 3.ความสมบูรณ์ของแผนปฏิบัติการ อันนี้ต้องด้วยเหตุด้วยผลด้วยหลักการ แล้วก็มีการจัดทำแผนที่นำทาง คือโรดแมปอย่างชัดเจนนะครับ แจกแจงการใช้จ่ายงบประมาณได้ ทั้งงบงานฟังชั่นและงบในการบูรณาการ และ 4. แผนจะต้องมีความอ่อนตัวนะครับ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ กรณีที่เกิดปัญหา ก็ต้องเตรียมมาตรการแก้ไขรองรับได้ ทั้งนี้ ปัญหาที่ผ่านมาคือเราไม่เคยทำงานอย่างมียุทธศาสตร์ ถ้าเราไม่เริ่มทำกันวันนี้ มันก็ไม่สามารถจะตอบโจทย์ แก้ปัญหาชาติไม่ได้แบบเบ็ดเสร็จนะครับ แก้ปัญหาหนึ่ง ติดอีกอย่างหนึ่ง สร้างปัญหาใหม่ เดินไปไม่ได้ เหมือนติดกับดักตัวเองอยู่ หากเราไม่บูรณาการกันนะครับ แยกคิด แยกทำกันเหมือนเดิมก็ไม่มีผลดีเกิดขึ้น ทำไม่ได้อีกเช่นเดิม เพราะฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลนี้เริ่มต้นทำให้ เป็นกระบวนการที่มีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป รัฐบาลต่อไปก็ทำหน้าที่ประสานต่อ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เราก็ไม่สามารถจะบังคับใครได้ทั้งหมด อยู่แล้วนะครับ อำนาจฝ่ายบริหาร เราจะไม่ก้าวล่วงตรงโน้น แต่เรามียุทธศาสตร์ชาติที่เป็นกรอบงานแต่วิธีทำนั้นก็เป็นเรื่องของแต่ละรัฐบาลไปหาวิธีการดำเนินการต่อไป แต่ผลสัมฤทธิ์จะกำหนดไว้ล่วงหน้า ประชาชนต้องรับรู้ไว้ก่อนนะครับว่าพอใจ หรือไม่พอใจอย่างไรในผลงานทีจะเกิดขึ้นในอนาคตนะครับ โดยทั้งนี้ ประชาชน ข้าราชการ จะต้องเป็นผู้ติดตามดูแลตรวจสอบปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนะครับ ด้วยหลักการและเหตุผลที่สมเหตุสมผลด้วยเช่นกัน

พี่น้องประชาชน และเพื่อน ๆ ข้าราชการ ครับ สำหรับหลักการ นโยบาย ยุทธศาสตร์ ในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนี้ ตั้งแต่ ปี 2557 ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 และในอนาคต อีก 20 ปีข้างหน้านั้น ก็เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ประเทศ นำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ด้วยการน้อมนำศาสตร์พระราชาไปสู่การปฏิบัติ เพื่อจะนำพาประเทศชาติและประชาชนให้อยู่ดี กินดีอย่างแท้จริง ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยแบ่งออกเป็นด้านต่าง ๆ ดังนี้ ด้านการปฏิรูปและการพัฒนาประเทศ ก็คือการเดินหน้าสู่อนาคตของประเทศ โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางเป็นผู้กำหนดความต้องการ ภายใต้อัตลักษณ์ของความเป็นไทย วัฒนธรรม ประเพณี อันงดงาม ด้วยความรัก ความสามัคคี ความมีศรัทธาอย่างแรงกล้าเป็นการสร้างความฝันสู่อนาคตร่วมกัน และการทำตามความฝัน ให้เป็นความจริงด้วยการขับเคลื่อนกลไกประชารัฐ มีการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจ ทั้งแกนตั้งและแกนนอน และเป็นการสื่อสาร 2 ทาง รับฟังความเห็นความห่วงใย และความเป็นจริงจากทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความร่วมมือ นำไปสู่การปฏิบัติ ผลักดันไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ทั้งนี้ ทุกคนทุกฝ่ายและประชาชนต้องยอมรับในความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้น อันจะนำพาไปสู่การปฏิรูปประเทศได้นะครับ เพื่อให้ทุกคนนั้นมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามแนวทางหลักการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งจากพระบรมราโชบาย และการปฏิบัติที่ได้ทรงทดลองทำเป็นแบบอย่างไว้ให้แล้ว เราจะต้องนำมาประยุกต์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดจากปัจจัยภายนอกของประชาคมโลก และปัจจัยภายในประเทศของพวกเรากันเอง ที่จะทำให้เราและต่างประเทศเข้าใจซึ่งกันและกันนะครับ ปัจจุบันยังมองต่างกันอยู่ ทั้งในแง่ความคิดอัตลักษณ์พื้นฐาน และการปฏิบัติหลายอย่าง อาจจะทำได้ในหลายประเทศในโลก สำหรับประเทศไทยนั้นมีความละเอียดอ่อนนะครับ อาจจะทำไม่ได้ ก็ต้องทำให้ได้นะครับ เราต้องทำให้เกิดความชัดเจน เข้าใจให้ตรงกัน มีความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ การปฏิรูปเราจะต้องครอบคลุม ทั้งงานความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และการต่างประเทศ และการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นระดับชาติ ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด ภายในระยะเวลา 5 ปี นะครับ ผมจะเริ่มต้นไว้ก่อน 1 ปีแรก ก็ช่วยกันทำให้เกิดความต่อเนื่องยั่งยืนและต่อ ๆ ไปในทุกรัฐบาล ในอนาคต

ในด้านเศรษฐกิจ ในการพัฒนาเศรษฐกิจนั้น เรามี ทั้งระดับประเทศระดับฐานราก นะครับ และก็รวมความไปถึง การคบค้าสมาคม ผู้ค้าผู้ลงทุนกับต่างประเทศ ทั้งทวิภาคี และพหุภาคีด้วยนั้น เราจำเป็นต้องคิดใหม่ให้ครบวงจรทำใหม่อย่างบูรณาการ ขณะเดียวกันต้องปรับเปลี่ยนพัฒนาสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ทันสมัย ด้วยเทคโนโลยีดิจิทอล หมายรวมถึงการสนับสนุนและส่งเสริมทั้ง S-Curve เดิม และ New S-Curve ไปพร้อม ๆ กัน ในการนำพาประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 เราจะต้องไม่ทอดทิ้ง 3.0 ลงไปนะครับ คือประชาชนหลายระดับที่มีอยู่ด้วยกัน พร้อมทั้งเราต้องเร่งกระบวนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยการปฏิรูปการให้ศึกษาให้ได้โดยเร็ว มีผลจับต้องได้ เช่น เราจะต้องสามารถผลิตแรงงานในประเทศได้เท่าไรที่ตรงความต้องการ กี่ประเภทบ้าง เพียงพอหรือไม่ เราต้องมีการว่าจ้างบุคลากรภายนอกเพิ่มเติมระยะแรกหรือไม่ เท่าไร เหล่านี้ขอให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และกระทรวงแรงงานได้ไปบูรณาการในวิธีการตลอดมา ร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน

ส่วนกระบวนการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ นั้น เราจะเร่งในเรื่องของการวิจัยและพัฒนาให้ทันต่อเทคโนโลยีของโลกในศตวรรษที่ 21 นั้น เราต้องจัดให้มีการศึกษา การจัดกลุ่มงาน การขับเคลื่อนให้เดินหน้าไปพร้อมๆ บนหลักการพึ่งตนเองให้ได้ในอนาคตนำไปใช้ให้ได้ คิดและทำ ผลิตและใช้ ให้เป็นการปฏิรูปครบวงจรทั้งในด้านเกษตรกรรม เราต้องทำอย่างครบวงจรอย่างยั่งยืนด้วยนะครับ เราต้องดำเนินการสอดคล้องกับการปฏิรูปอุตสาหกรรมอย่างสมดุลอุตสาหกรรมสีเขียว โดยต้องดำเนินการคู่ขนานกันไปทั้งเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม มันจะทำให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศโลก การค้าขายโลกปัจจุบันนี้ด้วย เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งในแต่ละพื้นที่ จังหวัด กลุ่มจังหวัด ภูมิภาค เป็นหน้าที่ทุกคนแล้วไปคิดมาด้วยนะครับ ตามนโยบายที่ผมกล่าวไปแล้ว โดยการสร้างอัตลักษณ์ของตัวเอง ส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และการใช้ทรัพยากรของชาติที่มีอยู่อย่างจำกัดในแต่ละพื้นที่ให้เกิดความสมดุลกับการใช้ประโยชน์ เรามีทรัพยากรธรรมชาติไม่มากนัก แต่เราต้องใช้ให้ยั่งยืน ให้สมดุลระหว่างการพัฒนา และการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ มันต้องไปด้วยกันให้ได้ โดยครั้งนี้ประชาชนจะต้องเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม เราต้องลดการแข่งขันกันเอง แย่งตลาดกันเอง มันทำให้ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เช่นอย่างที่ผ่านมาหลายอย่างมันต้องลดราคาแข่งกันอะไรต่างๆ โดยที่ไม่ได้ดูที่คุณภาพ มันเลยทำให้ทุกอย่างเป็นมาตรฐานเดียวกันไปหมด เราจะต้องสร้างแบรนด์ของคนไทยให้ได้ โดยเฉพาะแบรนด์ด้านการเกษตร แบรนด์ของข้าว ข้าวหอมมะลิ มีความแตกต่างกับข้าวหอมคนอื่นในโลกใบนี้ เราต้องเชื่อมโยงกันในทุกห่วงโซ่ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทางให้ได้ ผมพูดหลายครั้งแล้วนะครับ

ด้านสังคมก็ได้แก่การส่งเสริม ขับเคลื่อน ผลักดันให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้หลุดพ้นกับดักจากความยากจน และได้รับการพัฒนาอย่างเท่าเทียมให้ได้โดยเร็ว เรามีมาตรการหลายมาตรการที่จะต้องลดความเหลื่อมล้ำลงให้ได้ในการเข้าถึงบริการภาครัฐและสวัสดิการของประชาชนทุกช่วงวัย ทุกคนต้องร่วมมือนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กวัยรุ่น ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ เราจะต้องทำให้ประชาชนทุกคน ทุกช่วงวัย ได้มีการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับตัวเองด้วย คือบอกไป ทำไป ถ้าไม่ร่วมมือมันก็ไม่เกิดขึ้นทุกอย่างแหละครับ

เพราะฉะนั้นเราต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา หนังสือมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต สร้างหลักประกันทางสังคม โดยการสร้างสังคมที่ปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน สังคมมีความสงบสุข มีสันติ เช่นง่ายๆ ก็ไม่มีเด็กแว้นอีกต่อไป ไม่มีการตีกัน ไม่ทำให้สังคมมันเป็นสังคมแห่งความรุนแรง เราจะต้องมีการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างพอเพียง สมแก่ฐานะ สามารถดูแลครอบครัวได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ทุกคนมีเกียรติและศักดิ์ศรีเท่าๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นอาชีพใดรายได้ใดในทุกระดับ รวมทั้งรัฐบาลนี้ได้มีการพัฒนาที่อยู่อาศัย พัฒนาอาชีพ พัฒนารายได้ และเข้าถึงหลักประกันอื่นๆ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ต้องใช้เวลาทั้งหมดนะครับ เราต้องสร้างสังคมที่สันติสุข ประชาชนมีแต่ความสุข ไม่ใช่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่พอกินไม่พอใช้ เราจะต้องมีการศึกษาเรียนรู้ที่ดีในอนาคตของประเทศเลยเรื่องการศึกษา ทำให้เราอยู่ร่วมกันได้ พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เข้าอกเข้าใจกัน มีความคิดพื้นฐานที่มันใกล้เคียงกัน เราจะต้องสร้างห่วงโซ่ความเชื่อมโยงกันในทุกมิติ เราแยกกันทำงานอิสระไม่ได้ แยกความคิดไม่ได้ ต้องแย่งกันคิดและมารวมกันสรุปให้ได้ แล้วหาวิธีการทำด้วยกัน

เราจะต้องจัดระเบียบบ้านเมืองทั้งในสังคม ชนบท และสังคมเมืองให้เกิดเป็นห่วงโซ่ของความมั่นคงและปลอดภัย มีเศรษฐกิจเข้มแข็งไปพร้อมๆ กัน ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรประเทศ สำหรับเพื่อใช้ประโยชน์ สร้างเพิ่มมูลค่าให้กับส่วนรวมได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้การอยู่ร่วมกันในสังคม อันจะต้องเน้นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ให้เกิดความเป็นมิตร มีความสัมพันธ์ต่อกัน มันเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดนะครับ เราจะเริ่มในระดับประชาชนให้มากที่สุด อันจะเกิดความผาสุก ท่ามกลางความแตกต่างในการสร้างสีสันทางวัฒนธรรม ต่างประเทศก็สนใจของเรามากมาย เราก็แลกเปลี่ยนกับเขาได้ แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม เเละที่สำคัญอีกประการก็คือ สร้างแรงกระตุ้นในการขับเคลื่อนประเทศ โดยการพัฒนาสร้างศักยภาพของประชาชนทุกคน ทุกกลุ่ม ด้วยความเข้าใจถึงแก่นแท้ของประชาธิปไตยก็เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนอย่างยั่งยืน อันถือว่าเป็นหลักชัยร่วมกันของคนไทยทั้งชาติ ด้านความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความมีประสิทธิภาพของประเทศ เป็นพื้นฐานสำคัญของประเทศเสมอ เราจะต้องสนับสนุนส่งเสริมให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในงานด้านความมั่นคง

ทั้งนี้ ก็เพื่อจะลดความอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จากสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วยกันเฝ้าระวัง มีการตรวจตรา การสร้างกลไกประชารัฐ สร้างเครือข่ายด้านแรงงาน ความมั่นคง เราคงไม่เน้นว่าให้ประชาชนต้องปราบปราม จับกุม คงไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ เพียงแค่ใช้ตา ใช้ปาก ในการที่จะสังเกต ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ มันก็ทำให้ทุกพื้นที่นั้นปลอดภัยได้เพราะมีประชาชนอยู่ทุกพื้นที่ ตำรวจ ทหาร จะอยู่ในพื้นที่ๆ มีความจำเป็นเร่งด่วน ไม่สามารถจะวางกำลังทหาร ตำรวจได้ทุกพื้นที่ ทุกตารางนิ้วได้

ทั้งนี้ มันจะเกิดขึ้นได้ต้องมีการปลูกฝังอุดมการณ์ ความเสียสละ ความรักชาติ รักสถาบัน เพื่อจะรวมพลังให้เข้มแข็ง เป็นพลังที่เข้มแข็งของประชาชน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความมีเสถียรภาพ ประเทศชาติยั่งยืนตลอดไป ในส่วนของความเชื่อมโยงเราต้องมีความเชื่อมโยงให้ได้ เราต้องไม่แบ่งแยกซึ่งกันและกัน ระหว่างประชาชนต่อประชาชน กลุ่มอาชีพต่อกลุ่มอาชีพ และพื้นที่ต่อพื้นที่ นับว่าเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญในการที่จะเสริมสร้างพลังอำนาจของชาติ ทั้งมีที่ตัวตนจับต้องได้ และไม่มีตัวตนจับต้องไม่ได้ แต่ล้วนมีพลัง มีศักยภาพเสริมซึ่งกันและกัน นอกจากนั้นเราจะต้องไม่ลืมสร้างความเข้มแข็งให้กับกระทรวงกลาโหม กองทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มีความทันสมัย มีความพร้อม ทั้งอำนาจ การรบที่มีตัวตน และไม่มีตัวตนที่เหมาะสมนะครับ เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ในทุกโอกาส บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน รวมทั้งพัฒนาระบบเครือข่ายภาคประชาชนในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัย เพื่อลดภาระงาน เสริมศักยภาพของเจ้าหน้าที่ โดยหน่วยงานจะต้องจัดคนให้ตรงกับหน้าที่ มีการจัดลำดับความเร่งด่วน ความสำคัญของงาน และมีการปฏิรูปกระบวนการสอบสวน กระบวนการยุติธรรมด้วย ให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ เป็นต้น

ด้านยุติธรรม การสร้างประเทศไทยให้เข้มแข็ง มีวัฒนธรรม เป็นระบบนิติรัฐ เราพูดกันมานานแล้ว มันจะเป็นที่มาของความภาคภูมิใจ และมีความเป็นหนึ่งเดียว เราจะต้องช่วยกันสร้างกระบวนการยุติธรรมที่เชื่อถือ ไว้วางใจได้ทั้งระบบอย่างครบวงจร ต้องขจัดกระบวนการทุจริต ผู้มีอิทธิพลเอารัดเอาเปรียบให้ได้โดยเร็วที่สุด ขจัดการทุจริตคอร์รัปชัน ต้องทั้งสองฝ่ายทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนที่อะลุ่มอล่วยซึ่งกันและกัน ด้วยผลประโยชน์ต่างตอบแทนกันต้องช่วยกันแก้ทั้งคู่ เรามีการดำเนินการทั้งมาตรการทางกฎหมาย มาตรการทางสังคม คนที่ไม่ดี ไม่มีคุณธรรม ทำผิดกฎหมายต้องไม่มีที่ยืนในสังคมอีกต่อไปช่วยกัน สังคมช่วยกันดูแล ใช้กฎหมายอย่างเดียวอาจจะไม่ทันการณ์เพียงพอ แต่จะต้องไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้ เว้นแต่หากว่าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ได้รับการปรับปรุงแก้ไข กระบวนการยุติธรรมตัดสินจนได้ข้อยุติ รับโทษทัณฑ์มาแล้ว มันก็จบ ทุกคนก็สมควรได้รับโอกาสตามหลักการสากลของโลก คือโอกาสการกลับคืนสู่สังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติวิธี สังคมก็ให้อภัยหมดแล้วนะ สำหรับด้านการต่างประเทศนั้น สถานการณ์ปัจจุบันนั้นจะเห็นได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากมายรวดเร็ว เราจำเป็นต้องวางบทบาทของประเทศไทยในทวิภาคีและเวทีประชาคมโลกให้เหมาะสม เราเน้นของเรื่องซีอาร์วีที ประเทศรอบบ้านเรา และอาเซียน เราต้องรวมกันให้ได้เป็นหนึ่งเดียวภายใต้ความแตกต่างกันให้ได้ เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์มากกว่าเป็นคู่แข่งขัน เราต้องมีการเชื่อมโยงในทุกมิติ อาจจะเป็นแรงผลักดันส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรวมทั้งกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นตามมาตามลำดับ

ปัจจุบันนั้นรัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาแนวทางเหนือ ใต้ ออก ตก ไปสู่การเป็นระเบียงเศรษฐกิจโลก และให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลกและอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกเออีซี วันนี้เรากำลังขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ เพื่อจะยกระดับ S-Curve สู่ New S-Curve ด้วยเทคโนโลยีดิจิตัล และในส่วนของเอสเคิร์บเดิมก็พัฒนาไปสู่การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเครื่องไม้เครื่องมือซึ่งรัฐบาลจะต้องดูแลอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ นโยบายเรื่องการต่างประเทศจะต้องอยู่บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ ลดความหวาดระแวง และมีผลประโยชน์ที่เท่าเทียม รัฐบาลไม่มุ่งหวังผลประโยชน์จากใครเลย แต่ประชาชนจะต้องคาดหวังจากรัฐบาลได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน เป็นไปตามแผนงานด้วยคววามเข้าใจ ด้วยความอดทน อย่าไปเชื่อฟังคำบิดเบือนจากใครก็ตามที่ไม่ได้ทำ วันนี้รัฐบาลก็ทำเต็มที่

เรามุ่งเน้นนโยบายทางการทูตในเชิงรุก คือทำให้วันนี้ทูตนอกจากในเรื่องความสัมพันธ์ เป็นเรื่องของทูตเศรษฐกิจไปด้วย เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันของประเทศไทย และประเทศคู่ค้าต่างๆ โดยเรามีกงสุลดูเรื่องการค้า เอกอัครราชทูตก็จะดูเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วันนี้ต้องทำหน้าที่ทั้ง 2 อย่าง ทั้ง 2 ส่วนด้วยกัน ไปด้วยกัน บูรณาการระหว่างเอกอัครราชทูตกับกงสุล

ในส่วนของการสร้างหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์นั้น เราจำเป็นต้องผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว อันนี้เพื่อส่งเสริมความร่วมมือ พัฒนาตนเอง จะต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของแต่ละประเทศ ในส่วนที่ร่วมมือกันได้ก็ร่วมมือกัน นี่เขาเรียกว่าหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ เราต้องเพิ่มให้มากยิ่งขึ้น มันจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่า เพื่ออนาคตร่วมกัน

ประเทศไทยนั้น เราจำเป็นต้องแสดงถึงความจริงใจ เปิดใจให้กว้าง อาจจะต้องสละส่วนน้อยให้ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่บ้าง ถ้าเรารับอย่างเดียว เราไม่ให้ใครเลย มันก็ไม่ได้ ฉะนั้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ เราต้องเปิดใจให้กว้าง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน และโดยรวม เราจะต้องกระชับความสัมพันธ์ โดยจะต้องเริ่มกิจกรรมที่แต่ละประเทศจะต้องมีศักยภาพหากันให้เจอ แมทช์ชิ่ง ลงทุนในแต่ละฝ่ายต้องการ แล้วก็ต้องแก้ไขขจัดอุปสรรคระหว่างกัน ที่ผ่านมานั้น ก็พูดแต่ว่าจะร่วมมือกัน แต่อุปสรรคและปัญหามากมาย วันนี้รัฐบาลนี้ก็แก้ไปได้ระดับหนี่งแล้ว ฉะนั้นเราต้องร่วมมือกันได้โดยเร็วระหว่างเราและประเทศเพื่อนบ้าน และประชาคมโลกอื่นๆ เราต้องผลักดันความร่วมมือทั้งในทวิภาคี และพหุภาคี อย่างเข็งขัน ในทุกเวที ทุกกิจกรรมให้มีการเชื่อมโยงกันให้ได้โดยเร็ว ทั้งเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว การลงทุน การค้าอุตสาหกรรม ที่ผมเคยกล่าวไว้ว่าเป็นไทยแลนด์บวก 1 ในอาเซียน หรือประเทศในอาเซียนบวก 1 มาที่ไทย มันจะสามารถเพิ่มมูลค่า เพิ่มรายได้ ตรงความต้องการของแต่ละประเทศ อันจะเกิดความรัก ความสามัคคี ความแน่นแฟ้น ในประชาคมอาเซียนให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

สุดท้ายนี้ประชาชนทุกคน เรามีเกือบ 70 ล้านคนแล้ว เราต้องรวมพลังกันด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด ในการที่จะร่วมกันปฏิรูปประเทศ เราต้องทำด้วยความเข้าใจ ปรับเปลี่ยนวิธีคิด ด้วยวิสัยทัศน์ ศึกษายุทธศาสตร์ชาติ สร้างทัศนคติที่ดีต่อกัน ทำความเข้าใจร่วมกัน ทั้งกิจกรรม วิธีการ ผลสัมฤทธิ์ที่ต้องการ และความร่วมมือ สำคัญอยู่ที่ความร่วมมือ จะต้องทำอย่างครบวงจร มันจะเป็นความต่อเนื่องเชื่อมโยงเป็นห่วงโซ่เดียวกัน จากการที่เรามีประชาชนเป็นศูนย์กลาง หากเราไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ไม่ว่าจะคิดไม่ว่าจะทำ มีการศึกษาที่ไม่เพียงพอ มีการศึกษาที่ไม่ดีพอ การปฏิรูปไม่มีวันจะสำเร็จขึ้นได้อย่างแน่นอน ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากตนเอง ครอบครัว สังคม ชุมชน ตำบล หมู่บ้าน ซึ่งเล็กที่สุด แล้วไปสู่กลุ่มจังหวัด ภูมิภาคในอนาคต ก็ขอให้ทำวันนี้เปรียบเสมือนเรากำลังสร้างเศรษฐกิจฐานราก สร้างรากแก้ว ให้เข้มแข็ง อะไรที่อ่อนแอ ถ้าหากว่าอยู่เป็นเล็กๆเป็นครอบครัว เป็นกลุ่มเล็กๆ มันก็ไม่แข็งแรง เปรียบเสมือนเราเอากิ่งไม้เล็กๆ อ่อนแอมามัดรวมกลุ่มกันด้วยเชือกแห่งความรัก ความสามัคคี ความเชื่อมั่นและศรัทธา ทุกอย่าง ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินฝันของคนไทยทุกคน รัฐบาลและ คสช.จะปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลังและความสามารถ ทั้งนี้เพื่อนำพาประเทศชาติและประชาชนฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้

พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายนนี้ เวลา 08.00 น. หลังเคารพธงชาติ รัฐบาลขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้ร่วมกันแสดงความอาลัยถวายและรวมพลังแห่งความภักดี ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ ในพระบรมราชจักรีวงศ์ อย่างพร้อมเพรียงกัน ด้วยการร่วมกันถวายสัตย์ปฏิญาณ และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ณ ศาลาว่าการจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ หรือ ณ สถานที่บริเวณหน้าสำนักงานที่ต้นสังกัด รวมทั้งสถานประกอบการธุรกิจเอกชน และอื่นๆ สำหรับต่างประเทศ พร้อมกัน ณ สถานเอกอัครราชทูต หรือสถานที่ที่เหมาะสม ในวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน 2559 โดยให้มีการเคลื่อนย้ายน้อยที่สุด ทั้งนี้เพื่อให้ชาวโลกได้รับรู้ว่า คนไทย ประเทศไทย มีความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย ขอบคุณครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น