เมื่อ Robert Serber เริ่มต้นบรรยายที่ห้องปฏิบัติการ Los Alamos ในรัฐ New Mexico ของสหรัฐอเมริกาในเดือนเมษายน ปี 1943 เขากล่าวว่า จุดประสงค์ของทุกคนในห้องประชุมนี้คือจะสร้างระเบิดเพื่อใช้ในสงครามโลก โดยอาศัยปฏิกิริยาลูกโซ่ที่จะเกิดเวลาอนุภาคนิวตรอนพุ่งชนนิวเคลียสของยูเรเนียม-235
ในห้องบรรยายนั้นมีนักฟิสิกส์ระดับสุดยอดของโลกนั่งฟังหลายคน เช่น Hans Bethe (รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ปี 1967) Edward Teller (บิดาของระเบิดไฮโดรเจน) Richard Tolman (ศาสตราจารย์ฟิสิกส์แห่ง Cal Tech), Emil Konopinski (ศาสตราจารย์ฟิสิกส์แห่งมหาวิทยาลัย Indiana), Felix Bloch (รางวัลโนเบลฟิสิกส์ปี 1952) William Penney (บิดาระเบิดปรมาณูของอังกฤษ) ฯลฯ บุคคลเหล่านี้ได้ถูกนำตัวมาอยู่ที่เดียวกันเพื่อระดมสมองสร้างระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก โครงการนี้มี Robert Oppenheimer เป็นผู้อำนวยการและมี Robert Serber เป็นมือขวา
แม้คนที่นั่งฟังการบรรยายในครั้งนั้นเป็นบุคคลต่างๆ หลายอาชีพ เช่น นักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์ นักเคมี วิศวกร ทหาร ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่ตนถนัด แต่แทบไม่มีความรู้ในสาขาอื่นเลย กระนั้นทุกคนก็มีจุดประสงค์ร่วมกันคือ ต่อต้านลัทธินาซีของ Hitler และเพื่อให้โครงการบรรลุความมุ่งหมาย Oppenheimer ได้เลือก Serber มาเป็นรองผู้อำนวยการในโครงการ Manhattan เพื่อสร้างระเบิดปรมาณู และ Oppenheimer ได้มอบให้ Serber เป็นผู้อธิบายความรู้ฟิสิกส์พื้นฐานเรื่องปฏิกริยา fission ที่จำเป็นในการจะสร้างระเบิดปรมาณูแก่ทุกคนที่เข้าร่วมโครงการ เพราะ Serber รู้ฟิสิกส์ของระเบิดมากกว่าใครทั้งหมด
Serber นั้นได้รู้จักกับ Oppenheimer มาเป็นเวลานานก่อนที่สงครามโลกครั้งที่สองจะอุบัติ ทั้งสองได้เคยพบกันมาก่อนที่มหาวิทยาลัย California ที่ Berkeley ในฐานะที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเดียวกัน และสนิทสนมกันมากถึงระดับที่ Serber รู้ว่า Oppenheimer แอบมีความสัมพันธ์ลับกับ Jean Tatlock ซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งรัสเซีย และเธอคนนี้นี่เองที่เป็นสาเหตุแห่งการทำลายชื่อเสียงของ Oppenheimer จนย่อยยับในเวลาต่อมา
เมื่อ Serber เดินทางถึง Los Alamos ในเดือนเมษายน ค.ศ.1943 ในขณะนั้นห้องทดลองต่างๆ ไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม และเพื่อไม่ให้สายลับที่จะมาสอดแนมล่วงรู้อะไรๆ เกี่ยวกับความพยายามของฝ่ายสัมพันธมิตรที่จะสร้างระเบิดปรมาณู Oppenheimer ได้ออกคำสั่งไม่ให้ทุกคนใช้คำว่า ระเบิด แต่ให้ใช้คำว่า gadget (อุปกรณ์ขนาดเล็ก) แทน ส่วนเหตุผลหลักที่สหรัฐอเมริกาได้รับมอบหมายจากฝ่ายสัมพันธมิตรให้เป็นผู้สร้างระเบิดปรมาณู เพราะอเมริกามีความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยี บุคลากร และงบประมาณ ในขณะที่อังกฤษรู้เพียงวิธีสร้าง แต่ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมที่จะสร้างระเบิดได้จริง
ลุถึงเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1945 อเมริกาก็ประสบความสำเร็จในการสร้างระเบิดปรมาณูลูกแรก และได้ทดลองให้ระเบิดที่สถานีทดลอง Trinity ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Los Alamos นัก Serber เป็นบุคคลหนึ่งที่ได้เห็นความสำเร็จครั้งนั้น จากนั้นไม่นานเขาก็บินไปที่เกาะ Tinian ซึ่งอยู่ในหมู่เกาะ Mariana กลางมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อช่วยในการประกอบลูกระเบิดที่จะใช้ถล่ม Hiroshima ทันที
ถึงวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ.1945 Serber ได้บอกพลเอก Tibbets ผู้เป็นนักบินประจำเครื่องบินชื่อ Enola Gay ที่จะนำระเบิด (ซึ่งมีชื่อเล่นว่า Little Boy) ไปทิ้ง ว่าไม่ต้องห่วงเรื่องภัยอันตรายจากการระเบิด เพราะเครื่องบินของท่านพลเอกมีเวลาหันหัวกลับทัน และ Serber ก็รู้สึกยินดีมากเมื่อได้ทราบว่า ระเบิดลงตรงเป้า และนักบินผู้ทิ้งระเบิดบินกลับถึงฐานทัพอย่างปลอดภัย
สำหรับการทิ้งระเบิดปรมาณูลูกที่สอง (ชื่อเล่นว่า Fat Man) ที่ Nagasaki นั้น Serber ได้รับหน้าที่ให้เป็นผู้ถ่ายภาพการระเบิด แต่ปรากฏว่า ก่อนเครื่องบิน B-29 จะออกเดินทางเล็กน้อย ผู้บังคับเครื่องบินได้ตรวจพบว่า Serber ไม่มีร่มชูชีพ เขาจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเครื่องบิน ดังนั้นภาพการระเบิดของระเบิดปรมาณูที่ถล่ม Nagasaki จึงไม่มีให้โลกเห็น
อย่างไรก็ดี เมื่อถึงเดือนกันยายนของปีนั้น Serber กับ William Penney ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาติตะวันตกสองคนแรกที่เดินทางไปสำรวจ Nagasaki และ Hiroshima เพื่อประเมินความเสียหาย ซึ่งฝ่ายรัฐบาลญี่ปุ่นอ้างว่า ที่ Nagasaki มีคนตาย 140,000 คน แต่เมื่อ Serber สัมภาษณ์หน่วยราชการลับของญี่ปุ่น เขาได้ตัวเลขของผู้เสียชีวิต 19,743 คน สูญหาย 1,927 คน และบาดเจ็บ 40,993 คน แม้จะได้เห็น และพบปะผู้เคราะห์ร้ายจำนวนมากมายด้วยตนเอง แต่ Serber ก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกดีใจลิงโลด หรือกล่าวคำขอโทษใดๆ ในจดหมายที่เขาเขียนถึง ภรรยา Charlotte เขากล่าวแต่เพียงสั้นๆ ว่า เมือง Nagasaki ที่เห็น คือ นรกที่เกิดจากฝีมือมนุษย์
ในเวลาต่อมา Serber ยังยืนยันการสนับสนุนให้สหรัฐฯ ใช้ระเบิดปรมาณูยุติสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะเขาและ Oppenheimer คิดว่าถ้าสหรัฐฯ ยกพลขึ้นบกที่ญี่ปุ่น ทหารอเมริกันอีกประมาณ 500,000 คนจะต้องเสียชีวิต
หลังการเยือนญี่ปุ่นครั้งนั้น Serber ได้รายงานความเสียหายที่เกิดจากระเบิด รวมถึงระดับภัยกัมมันตรังสีที่เกิดขึ้นต่อรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วย
Robert Serber เกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ.1909 ที่เมือง Philadelphia ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเป็นบุตรคนหัวปีของ David Serber ซึ่งเป็นนักกฎหมาย กับ Rose ปู่ของ Serber ได้อพยพมาจากรัสเซีย Serber เข้าเรียนระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนในเมือง Philadelphia และศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัย Lehigh ในเมือง Bethlehem รัฐ Pennsylvania หลังจากนั้นได้ไปเรียนต่อระดับปริญญาโท และปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัย Wisconsin แห่งเมือง Madison โดยมี John Van Vleck (รางวัลโนเบลฟิสิกส์ปี 1977) เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา และได้ตีพิมพ์งานวิจัย 6 ชิ้นก่อนสำเร็จการศึกษา ซึ่งนับว่ามากกว่าคนทั่วไป จน Serber ไม่มั่นใจว่า งานวิจัยชิ้นใดในหกชิ้นเป็นหัวข้อของวิทยานิพนธ์ที่เขาต้องใช้เพื่อสำเร็จการศึกษา
หลังสำเร็จปริญญาเอก Serber กับภรรยา Charlotte ได้เดินทางไปมหาวิทยาลัย Princeton เพราะได้รับทุนวิจัยหลังปริญญาเอกของ National Research Council (NRC) ด้านฟิสิกส์ทฤษฎีเป็นเงิน 1,200 ดอลลาร์ (ซึ่งนับว่ามาก เพราะในสมัยนั้น Serber จ่ายค่าเช่าห้องเดือนละ 25 เหรียญ) ในช่วงที่เดินทางไป Princeton คู่สามีภรรยาได้แวะที่เมือง Ann Arbor เพื่อเข้าโปรแกรมอบรมฟิสิกส์ระดับสูงในช่วงฤดูร้อน และได้พบกับ Robert Oppenheimer เป็นครั้งแรก การรู้จักกันในครั้งนั้นได้ทำให้ชีวิตของ Serber ถึงจุดเปลี่ยน เพราะ Serber ตัดสินใจไม่รับทุนวิจัยของ NRC แต่สมัครไปทำงานเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ Berkeley แทน
เพราะที่นั่นมี Oppenheimer เป็นหัวหน้ากลุ่มวิจัยฟิสิกส์ทฤษฎีเรื่องสนามควอนตัม Serber เข้าทำงานวิจัยด้านฟิสิกส์นิวเคลียร์กับ Oppenheimer และได้พบว่า ในปฏิกริยานิวเคลียร์ใดๆ ปริมาณ isospin ของระบบจะมีค่าคงตัว นอกจากจะได้พบแรง Serber ที่เกิดระหว่างคู่นิวคลีออนที่มีโมเมนตัมเชิงมุมเป็นจำนวนเต็มคู่แล้ว Serber ยังได้ศึกษาทฤษฎีของกำเนิดรังสีคอสมิก และองค์ประกอบของดาวฤกษ์ด้วย สำหรับความเห็นส่วนตัวของ Serber ที่มีต่อ Oppenheimer นั้น Serber คิดว่า Oppenheimer รู้ฟิสิกส์ดีระดับสุดยอด แต่ทำงานคณิตศาสตร์ไม่รอบคอบ
แม้ Serber จะชอบบรรยากาศที่ Berkeley มาก แต่เขาก็ไม่เป็นที่ชื่นชมในบรรดาอาจารย์ของมหาวิทยาลัย ดังนั้นเมื่อได้รับการทาบทามจากมหาวิทยาลัย Illinois ที่ Urbana ให้เป็นอาจารย์ Serber จึงตัดสินใจลาออกจาก Berkeley แต่ก็ยังเขียนจดหมายติดต่อกับ Oppemheimer อย่างสม่ำเสมอ
จนถึงคริสตมาสของปี 1941 หลังจากที่ญี่ปุ่นทิ้งระเบิดที่ Pearl Harbor เล็กน้อย Serber ก็ได้รับโทรศัพท์จาก Oppenheimer ว่า จะเดินทางมาหาที่ Urbana เพื่อปรึกษาเรื่องสำคัญ ขณะทั้งสองเดินสนทนากันที่ไร่ข้าวโพด Oppenheimer ได้บอก Serber ว่า ตนได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าโครงการสร้างระเบิดปรมาณู และได้ขอให้ Serber เป็นผู้ช่วย ซึ่ง Serber ก็ตอบตกลง
หลังจากที่สงครามโลกยุติ Serber ได้ไปทำงานกับ Ernest Lawrence (รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ปี 1939) ที่ Radiation Laboratory ที่ Berkeley และ Lawrence ได้ส่ง Serber ไป Washington ในเดือนตุลาคม 1949 เพื่อเข้าร่วมอภิปรายกับนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ เรื่องการสร้างระเบิดไฮโดรเจนของอเมริกา
Serber รู้สึกประหลาดใจมากที่ Oppenheimer ต่อต้านและไม่เห็นด้วยกับโครงการสร้างระเบิดไฮโดรเจน
การขัดขวางเรื่องนี้ทำให้ Oppenheimer ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า เป็นคอมมิวนิสต์ และถูกหน่วยสอบสวนราชการลับ (FBI) สอบสวนหนัก ด้าน Serber เองถูกทนายของ Oppenheimer สั่งห้ามไม่ให้ติดต่อกับ Oppenheimer อย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้ Oppenheimer เสื่อมเสียที่ภรรยาของ Serber เคยข้องแวะและติดต่อกับเพื่อนชาวรัสเซีย
การนิ่งเงียบของ Serber ทำให้ Oppenheimer รู้สึกเจ็บปวดมาก หลังจากที่ทุกคน “ฆ่า” Oppenheimer แล้ว Serber จึงรู้ความจริงในภายหลังว่า ทนายตัวแสบได้แอบอ้างคำสั่งของ Oppenheimer โดยพลการ
ในปี 1951 Serber ขอลาออกจากการเป็นอาจารย์ที่ Berkeley เพื่อไปทำงานที่มหาวิทยาลัย Columbia เพราะรู้สึกไม่พอใจ Lawrence ที่มีนโยบายอนุรักษ์นิยมให้อาจารย์ทุกคนของมหาวิทยาลัยสาบานตนว่าจะซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ
ในปี 1967 เมื่อภรรยา Charlotte ของ Serber เสียชีวิตด้วยโรคพาร์กินสัน และ Oppenheimer ก็ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา Serber กับ Kitty ภรรยาหม้ายของ Oppenheimer ได้ตกลงวางแผนจะวิวาห์กัน แต่ Kitty ได้เสียชีวิตขณะทั้งสองเดินทางไป Panama
Serber จึงจัดการลอยเถ้าอังคารของ Kitty กับ Oppenheimer ร่วมกันที่ Virgin Islands
ตั้งแต่ปี 1975-1978 Serber ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาคฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย Columbia และได้แต่งงานใหม่กับ Fiona St. Clair
ในปี 1983 Serber นำจดหมายที่มีลายเซ็นของนักฟิสิกส์ 10,000 คน ไปให้เลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งจดหมายนั้นมีเนื้อหาขอให้ทุกชาติที่มีระเบิดนิวเคลียร์ยุติการทดลองและสร้างระเบิดมหาประลัยนี้
ในปี 1997 Serber เข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกในสมอง และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 1997 ที่ New York City สิริอายุ 88 ปี
ลูกศิษย์ระดับปริญญาเอกของ Serber ชื่อ Leon Cooper ได้รับรางวัลโนเบลฟิสิกส์ปี 1957
อ่านเพิ่มเติมจาก Peace and War: Renaissances of a Life on the Frontiers of Science โดย Robert Serber และ Robert P. Crease จัดพิมพ์โดย Columbia University Press ปี 1998
เกี่ยวกับผู้เขียน
สุทัศน์ ยกส้าน
ประวัติการทำงาน-ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์และดาราศาสตร์ และ ศาสตราจารย์ ระดับ 11 ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขากายภาพและคณิตศาสตร์ ประวัติการศึกษา-ปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยลอนดอน, ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
อ่านบทความ สุทัศน์ ยกส้าน ได้ทุกวันศุกร์