"ดอกซากศพ" ที่มีกลิ่นเหม็นหึ่ง และกลีบดอกสีช้ำราวกับเนื้อเน่ากำลังแย้มบานในสวนพฤกษศาสตร์ของสหรัฐฯ เมื่อบานเต็มที่จะอยู่ได้เพียง 24-48 ชั่วโมง ก่อนจะเหี่ยวเฉาไปอย่างรวดเร็ว
"ไททันอารัม" (titan arum) หรือดอกซากศพซึ่งเป็นพรรณไม้หายากจากเกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย กำลังแย้มกลีบบานภายในสวนอนุรักษ์พันธุ์พฤกษศาสตร์สหรัฐ (United States Botanic Garden Conservatory) วอชิงตัน ดีซี สหรัฐฯ
ครั้งล่าสุดที่ไททันอารัมหรือ อามอร์ฟอฟัลลัสไททานัม (Amorphophallus titanum) ในสวนพฤกษศาสตร์ดังกล่าวแย้มบานคือเมื่อปี 2007 และเมื่อบานเต็มที่แล้วจะอยู่ได้เพียง 24-48 ชั่วโมง แล้วเหี่ยวเฉาลงไปอย่างรวดเร็ว และในปีนี้ 2013 นี้ดอกไม้ดังกล่าวกำลังผลิบานและเริ่มแยมกลีบให้เห็นตอนเช้าวันที่ 22 ก.ค.ตามเวลาท้องถิ่น
ครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์พบพืชชนิดนี้คือเมื่อปี 1878 ซึ่งการผลิบานของไททันอารัมไม่มีวัฏจักรตายตัว เราไม่สามารถคาดการณ์ช่วงเวลาออกดอกได้ เพราะอาจใช้เวลาไม่กี่ปีจึงบานอีกครั้งหรืออาจต้องรอนานไปหลายสิบปี
ความพิเศษของดอกซากศพตามที่สวนพฤกษศาสตร์ระบุคือขนาดดอกที่ใหญ่มาก และเป็นพืชขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาพืชมีช่อดอกแบบไร้กิ่งในอาณาจักรพืช และด้วยกลิ่นที่เน่าเหม็นเหมือนซากศพเมื่อบานเต็มที่ระหว่างกลางคืนถึงเช้าตรู่จึงเป็นที่มาของชื่อดังกล่าว
นอกจากลิ่นสุดทนแล้วดอกไม้ที่มีแดงช้ำเหมือนเนื้อเน่ายังปล่อยความร้อนที่ช่วยให้กลิ่นเหม็นเดินทางได้ไกลขึ้นด้วย เพื่อล่อแมลงที่กินซากสัตว์และมูลสัตว์ที่อยู่ไกลๆ ให้มาผสมเกสร
การดูแลดอกไม้หายากนี้ทางสวนพฤกษศาสตร์ให้ข้อมูลว่าพืชดังกล่าวต้องการสภาพแวดล้อมพิเศษทั้งวันที่มีอากาศอบอุ่น มีอุณหภูมิตอนกลางคืนที่เหมาะสม และยังต้องอยู่ท่ามกลางความชื้นสูง ทำให้ทางสวนพฤกษศาสตร์ต้องจำกัดจำนวนผู้เข้าชมไม้ดอกที่มีความจำเพาะนี้