xs
xsm
sm
md
lg

Phoebe Snetsinger ผู้เห็นนกมากสปีชีส์ที่สุดในโลก สมปณิธานก่อนตาย

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน

ปณิธานหลังทราบว่าจะมีชีวิตอีกไม่นาน ทำให้เธอเป็นผู้ที่ได้เห็นนกมากสปีชีส์ที่สุดในโลก
ถ้าแพทย์บอกว่า คุณมีเวลาอีกไม่ถึงปีที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ คุณจะใช้เวลาที่เหลือทำอะไรบ้าง

สำหรับ Phoebe Snetsinger เมื่อเธอทราบผลการวิเคราะห์จากหมอประจำตัวว่าเธอกำลังป่วยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย เธอได้ตัดสินใจออกเดินทางดั้นด้นไปทุกหนทุกแห่ง เพื่อจะได้เห็นนกสปีชีส์ต่างๆ ที่มีในโลกให้ได้จำนวนสปีชีส์มากที่สุด ผลที่ตามมาคือก่อนจะเสียชีวิต เธอได้เห็นนกมากถึง 8,398 สปีชีส์ซึ่งนับว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของความพยายามดูนกโดยบุคคลคนเดียว

ในสายตาของคนทั่วไป การเฝ้าดูนกเป็นงานอดิเรกของคนที่ไม่มีอะไรทำ และเป็นกิจกรรมที่ไม่มีอะไรคอขาดบาดตาย คือ ถ้าเห็นก็เห็น ถ้าไม่เห็นก็ไม่มีใครจะเป็นอะไร จะมีก็แต่นักปักษีวิทยาอาชีพเท่านั้นที่เฝ้าติดตามดูนกอย่างจริงจัง ครั้นเมื่อเห็นนกแล้ว ก็มักถ่ายภาพ และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับนกสปีชีส์ที่เห็น เพื่อใช้ในการอ้างอิงต่อไป

ตามปกตินักดูนกมักเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่ชอบเดินป่า ปีนเขา ไต่หน้าผาหรือชอบไปในสถานที่ๆ เต็มไปด้วยภัยอันตราย จนบางครั้งอาจล้มป่วยด้วยโรคมาลาเรีย หรือถูกคนป่าทำร้าย เพราะเข้าใจผิดว่ากำลังสอดแนม นักดูนกจึงต้องใช้เวลานานมากในการค้นหานกในป่าที่อยู่ห่างไกลความเจริญ เพื่อจะได้เห็นและศึกษานกสปีชีส์ที่ไม่มีนักปักษีวิทยาคนใดเคยเห็นและศึกษามาก่อน นักดูนกบางคนอาจมีความต้องการจะเห็นนกมากจนถึงขั้นสามารถสละชีพของตนเพื่อให้ความคลั่งไคล้นี้ลุล่วงก็มีเหมือนกัน

Phoebe Snetsinger เกิดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ.1931 ที่เมือง Lake Zurich รัฐ Illinois ในสหรัฐอเมริกา บิดา Leo Burnett เป็นมหาเศรษฐีด้านธุรกิจโฆษณา เธอได้เข้าเรียนระดับประถมศึกษาที่โรงเรียน Lake District ซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองมาก จึงมีเพื่อนเรียนร่วมชั้นเพียง 2 คน และครูที่สอนได้พบว่าเธอมีพรสวรรค์ด้านภาษา และวิทยาศาสตร์มากกว่าด้านอื่นๆ

เมื่ออายุ 11 ปี เธอได้พบ David Snetsinger เด็กหนุ่มที่มีอายุมากกว่าเธอ 2 ปี ที่สโมสรกีฬาในเมือง แต่ขณะนั้นเธอไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่า เขาและเธอจะได้เป็นคู่ชีวิตกันในเวลาต่อมา

หลังจากนั้นเธอได้เข้าเรียนระดับอุดมศึกษาที่ Swarthmore College และสำเร็จปริญญาตรีวิชาเอกภาษาเยอรมันด้วยคะแนนเฉลี่ย 4.0 เธอก็ได้ตระหนักว่า ในฐานะที่เป็นผู้หญิง เธอไม่มีตัวเลือกมากในการประกอบอาชีพ เธอจึงต้องทำตัวเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ คือ แต่งงาน มีลูก อีกทั้งต้องไม่คิดจะทำอะไรในเชิงแข่งขันกับผู้ชายอย่างเด็ดขาด นอกจากต้องคอยดูแลครอบครัว และให้สามีเลี้ยง

Phoebe จึงเข้าพิธีสมรสกับ David Snetsinger และได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานที่ Webster Groves ซึ่งอยู่ใกล้เมือง St.Louis ในรัฐ Missouri

หลังจากที่สามีของเธอเดินทางกลับจากราชการทหารที่เกาหลีแล้ว Phoebe ได้ตัดสินใจเรียนหนังสือต่อ จนสำเร็จปริญญาโทด้านวรรณคดีเยอรมัน และมีความรู้สึกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอได้ใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านในชนบทที่ทำหน้าที่ดูแลสามีและลูกๆ เท่านั้น และการทำเช่นนี้ไม่เคยทำให้เธอมีความเจริญก้าวหน้าทางสติปัญญาเลย เธอจึงเริ่มมีอาการซึมเศร้า

วันหนึ่งสตรีเพื่อนบ้านคนหนึ่งได้แวะมาชวนเธอไปดูนกในบริเวณสวนหลังบ้าน โดยให้เธอใช้กล้องส่องทางไกลดูนกต่างๆ ที่เกาะอยู่ตามยอดไม้ เมื่อเธอได้เห็นนก Blackburnian Warbler (Dendroica fusca) เธอรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะตกหลุมรักนกที่มีขนสีสวย และมีรูปร่างปราดเปรียวตัวนั้นทันที จึงตัดสินใจซื้อกล้องสองตา (binocular) ให้ตนเองเพื่อไปดูนกกับเพื่อนๆ สัปดาห์ละหลายครั้ง และได้พบว่าวัย 34 ปีของเธอเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เพราะการดูนกเป็นงานอดิเรกทำให้ชีวิตของเธอไม่น่าเบื่อ และเมื่อเธอมีความจำดี อีกทั้งมีความกระตือรือร้นมาก เธอจึงเป็นนักดูนกระดับเชี่ยวชาญพิเศษที่ชอบเดินทางไปสถานที่ห่างไกล จนได้เห็นนกจำนวนประมาณ 2,000 สปีชีส์

ในปี 1981 แพทย์ประจำตัวของเธอได้บอกว่า เธอกำลังเป็นมะเร็งผิวหนัง (melanoma) ขั้นสุดท้าย และจะมีเวลาอยู่บนโลกอีกไม่ถึงหนึ่งปี

แทนที่จะพักรักษาตัวที่บ้าน Phoebe ตัดสินใจเดินทางไป Alaska ตามที่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า เพื่อไปดูนกในแถบขั้วโลกเหนือ โดยใช้เงินส่วนหนึ่งของมรดกมหาศาลที่เธอได้รับจากบิดา เมื่อกลับจาก Alaska ถึงบ้าน เธอได้พบว่า เธอรู้สึกดีมากและไม่วิตกกังวลอะไรเลย นับตั้งแต่นั้นมาเธอจึงทุ่มเทความสนใจไปที่นก และตั้งใจจะเห็นนกให้มากสปีชีส์ที่สุดก่อนเสียชีวิต โดยจะไปทุกที่ที่ไม่ใช่บ้าน ทั้งในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยอันตราย เช่น ในป่าหรือบนภูเขา รวมถึงจะไปในที่ๆ มีสถานการณ์ทางการเมืองวุ่นวาย จนในบางครั้งเธอถูกชาวป่าทำร้ายบาดเจ็บ เช่น เมื่อเธอไปที่ New Guinea, Kenya และ Peru เป็นต้น

ตามปกติ เวลาเดินทางเธอจะนำกล้องสองตา หมวก รองเท้าที่เดินไม่มีเสียง กล้องส่องทางไกล กล้องถ่ายรูปและสมุดบันทึกเพื่อจดข้อมูลเกี่ยวกับนกและสภาพแวดล้อมอย่างละเอียด แม้ในบางครั้งการเดินทางต้องใช้เงินงบประมาณระดับแสนบาท แต่เธอก็ยินดีจ่ายเพื่อให้ความประสงค์สุดท้ายของเธอบรรลุเป้าหมาย

แม้จะถูกคุกคามด้วยโรคมะเร็งเป็นระยะๆ เพราะมะเร็งจะกลับมาคุกคามทุก 5 ปี หลังจากที่ภาวะเจ็บรุนแรงได้ลดลง เธอก็จะกลับไปดูนกที่เธอต้องการอีก

นกทุกสปีชีส์ที่เธออ้างว่าเห็นนั้นได้รับการตรวจสอบยืนยันว่าเป็นสปีชีส์ใหม่ทุกครั้งไปโดย American Birding Association (ABA) ซึ่งเป็นสมาคมดูนกของอเมริกา

เพราะเธอใช้ชีวิตที่เหลือส่วนใหญ่ในการเดินทางไปดูนก ดังนั้นชีวิตครอบครัวจึงถูกกระทบกระเทือนมาก เช่น เธอไม่มีเวลาไปงานแต่งงาน งานวันเกิดหรืองานศพของเพื่อนหรือของญาติเลย เธอไม่ได้อยู่ดูแลลูกๆ และสามี เหมือนแม่หรือภรรยาทั่วไป เพราะเธอคิดว่าลูกๆ และสามีสามารถดำเนินชีวิตไปได้ (แม้จะไม่ดีนัก) ในขณะที่เธอต้องการใช้ชีวิตที่เหลือทำสิ่งที่เธอต้องการ

เมื่อถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ.1999 ขณะ Phoebe เดินทางอยู่บนเกาะ Madagascar รถบรรทุกที่เธอนั่งได้พลิกคว่ำ ทำให้เธอเสียชีวิตทันที เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่เธอได้เห็นนก Helmet vanga ที่นักปักษีวิทยาเพิ่งรายงานว่า เป็นนกสปีชีส์ใหม่เมื่อ 2 ปีก่อน นี่จึงเป็นนกสปีชีส์สุดท้ายที่เธอได้เห็น

สถิติการเห็นนกแสดงว่า Phoebe Snetsinger วัย 68 ปีได้เห็นนก 8,398 สปีชีส์ จึงเป็น 85% ของนกที่มีในโลก ดังนั้นเธอจึงเห็นนกมากสปีชีส์กว่าคนที่เห็นมากรองลงไปเกือบ 2,000 สปีชีส์

บันทึกของเธอเรื่อง Birding on Borrowed Time ได้ถูกตีพิมพ์ในปี 2003 โดยสมาคมดูนกแห่งอเมริกา หนังสือนี้ได้กล่าวถึง ชีวิตของเธอในการเดินทางไปดูนก ความรู้สึกลึกๆ ที่เธอต้องการหนีความคิดเรื่องการที่เธอจะต้องตายไปคิดหมกมุ่นแต่จะดูนก หนังสือยังได้กล่าวถึงบทสัมภาษณ์บรรดาญาติและเพื่อนบ้านเกี่ยวกับตัวเธอและลูกทั้ง 4 คน โดยเฉพาะ Thomas J. Snetsinger นั้น ได้เจริญรอยตามมารดาคือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนกบนเกาะฮาวายที่กำลังจะสูญพันธ์

ชีวิตของ Phoebe Snetsinger ได้ทำให้ผู้อ่านหลายคนคงฉุกคิดได้ว่า ในการใช้ชีวิตที่เหลือนั้น เรามีอะไรจะต้องทำอีกบ้าง ก่อน “ไป” สำหรับเธอนั้น เธอต้องการจะเห็นนกทุกสปีชีส์บนโลก และปณิธานนี้ได้อุบัติขึ้นเมื่อแพทย์บอกเธอว่า “เธอจะต้องตายในอีกไม่นาน”

แม้สังคมโดยรอบจะกำหนดบทบาทให้เธอทำหน้าที่แม่ และภรรยา แต่เธอก็ตัดสินใจไปว่า เธอจะใช้ชีวิตในแต่ละวันที่เหลือให้ดีที่สุดอย่างไร ถึงคนบางคนจะคิดว่าการทุ่มเทเวลาไปดูนก หรือความคลั่งนกของเธอเป็นอาการของโรคจิตรูปแบบหนึ่งก็ตาม

ในหนังสือ Life List: A Woman’s Quest for the World’s Most Amazing Birds ที่ Olivia Gentile เรียบเรียง และจัดพิมพ์โดย Bloombury ในปี 2009 นั้น ชีวิตของ Phoebe Snetsinger ได้ให้ข้อคิดว่า การใช้ชีวิตที่ดี และการเผชิญความตายที่ดี ควรเป็นอย่างไร
******************

เกี่ยวกับผู้เขียน

สุทัศน์ ยกส้าน
ประวัติการทำงาน - ภาคีสมาชิกราชบัณฑิตยสถาน และ ศาสตราจารย์ ระดับ 11 ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขากายภาพและคณิตศาสตร์

ประวัติการศึกษา - ปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยลอนดอน, ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย

อ่านบทความ สุทัศน์ ยกส้าน ได้ทุกวันศุกร์







กำลังโหลดความคิดเห็น