xs
xsm
sm
md
lg

มนุษย์เผ่าพันธุ์ไหนบ้างที่ไม่มีเชื้อสาย “นีแอนเดอร์ทัล”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากการตรวจพันธุกรรมพบเพียงชาวแอฟริกาใต้ทะเลทรายซาฮาราเท่านั้นที่ไม่มีดีเอ็นของ นีแอนเดอร์ทัล มนุษย์โบราณที่สูญพันธุ์ไปแล้ว (ไลฟ์ไซน์)
แม้ว่า “มนุษย์” ในปัจจุบัน คือ มนุษย์สายพันธุ์เดียวที่เหลือรอดอยู่บนโลกใบนี้ จากที่อดีตเคยมีมนุษย์สายพันธุ์อื่นโลดแล่นอยู่ด้วย ซึ่งรวมถึง “นีแอนเดอร์ทัล” มนุษย์โบราณที่สูญพันธุ์ไปนานแล้ว แต่จากการวิเคราะห์พันธุกรรมฟอสซิลของมนุษย์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วนั้น พบว่าพวกเขาเคย “ผสมข้ามพันธุ์” กับบรรพบุรุษของเราในอดีต

มีเพียงชาวแอฟริกันทางตอนใต้ของทะเลซาฮารา หรือ ซับ-ซาฮารันแอฟริกัน (sub-Saharan African) ในปัจจุบันเท่านั้นที่ไม่มีเชื้อสายของมนุษย์โบราณ “นีแอนเดอร์ทัล” (Neanderthal) ซึ่งไลฟ์ไซน์ได้อ้างตามรายงานล่าสุดของนักวิจัยที่ตีพิมพ์ลงวารสารพลอส-วัน (PLoS ONE)

งานวิจัยใหม่ชี้ว่าชาวแอฟริกาเหนือ (North African) ในปัจจุบันมีร่องรอยพันธุกรรมที่ได้มาจากนีแอนเดอร์ทัล ซึ่งเป็นญาติใหล้ชิดมนุษย์ยุคใหม่มากที่สุด และสูญพันธุ์ไปแล้ว และจากการวิเคราะห์ทางพันธุกรรม พบว่า มนุษย์สายพันธุ์นี้เคย “ผสมข้ามสายพันธุ์” กับบรรพบุรุษของเรา โดยการประเมินล่าสุดเผยว่าจีโนมของชาวยูเรเซีย (Eurasian) หรือชาวยุโรปและเอเชียนั้นมีดีเอ็นเอของนีแอนเดอร์ทัลอยู่ 1-4%

แม้ว่าการผสมข้ามพันธุ์ดังกล่าวจะให้กำเนิดลูกหลานไม่มาก แต่ก็มากพอที่จะส่งต่อระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้แก่มนุษย์บางคนในปัจจุบัน และจากจีโนมของนีแอนเดอร์ทัลยังเผยให้เห็นว่า คนที่อาศัยอยู่นอกแอฟริกานั้นมีพันธุ์ของนีแอนเดอร์ทัลมากกว่าชาวแอฟริกัน

สิ่งที่น่าจะอธิบายได้ คือ มนุษย์ยุคใหม่นั้น “ผสมข้ามพันธุ์” กับนีแอนเดอร์ทัลเพียงไม่นานหลังสายพันธุ์ใหม่เริ่มออกไปจากแอฟริการาว 100,000 ปีที่ผ่านมา เป็นอย่างน้อย หรือภาพที่ซับซ้อนมากกว่านั้นอีก คือ มนุษย์แอฟริกาที่เป็นบรรพบุรุษทั้งของนีแอนเดอร์ทัลและมนุษย์ปัจจุบันนั้นแยกพันธุกรรมจากมนุษย์แอฟริกาอื่นเมื่อประมาณ 230,000 ปีก่อน และมนุษย์กลุ่มนั้นก็ยังคงมีพันธุกรรมที่แตกต่างจากกลุ่มอื่นอย่างชัดเจนจนกระทั่งออกจากแอฟริกา

เพื่อหาคำตอบว่าทำไมนีแอนเดอร์ทัลจึงมีพันธุกรรมคล้ายคลึงคนที่อาศัยอยู่นอกแอฟริกามากที่สุด ไลฟ์ไซน์ ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ต้องวิเคราะห์พันธุกรรมของชาวแอฟริกันเหนือ และนักวิจัยบางคน ก็ระบุว่า กลุ่มเหล่านั้นคือต้นตอของกลุ่มอพยพออกนอกแอฟริกา ซึ่งท้ายสุดได้ขยายเผ่าพันธุ์ออกไปทั่วโลก โดยสนใจความผันแปรทางพันธุกรรม 780,000 ตำแหน่ง ในคน 125 คน ซึ่งเป็นตัวแทนของคนจาก 7 ถิ่นอาศัยที่แตกต่างกันในแอฟริกาเหนือ

ทีมวิจัยพบว่า ชาวแอฟริกาเหนือนั้น มีความผันแปรทางพันธุกรรมสูงและสัมพันธ์กับนีแอนเดอร์ทัลมากกว่าชาวแอฟริกาใต้ทะเลทรายซาฮารา ซึ่งความผันแปรทางพันธุกรรมของนีแอนเดอร์ทัลในชาวแอฟริกาเหนือนี้ อยู่ในระดับเดียวกับที่พบได้ในชาวยูเรเซียปัจจุบัน และนักวิทยาศาสตร์ยังพบด้วยว่า พบสัญญาณทางพันธุกรรมของนีแอนเดอร์ทัลสูงขึ้นในชาวแอฟริกาเหนือ ซึ่งบรรพบุรุษได้จับคู่ข้ามสายพันธุ์กับคนในแถบตะวันออกใกล้ (ตุรกี เลบานอน อิสราเอล อิรัก ฯลฯ) หรือยุโรป อันเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าสัญญาณทางพันธุกรรมดังกล่าว มาจากการผสมรวมกันแต่โบราณกับนีแอนเดอร์ทัล ไม่ใช่เพิ่งมาผสมข้ามพันธุ์กับมนุษย์ปัจจุบันที่มีบรรพบุรุษผสมข้ามพันธุ์กับนีแอนเดอร์ทัล

“มีประชากรกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ไม่มีพันธุกรรมของนีแอนเดอร์ทัลปนมา นั่นคือกลุ่มคนแอฟริกันใต้ทะเลทรายซาฮารา” ชารลส์ ลาลูซา-ฟอกซ์ (Carles Lalueza-Fox) ผู้วิจัยเรื่องนี้และเป็นนักบรรพชีวินวิทยาจากสถาบันชีววิทยาวิวัฒนาการ (Institute of Evolutionary Biology) ในบาร์เซโลนา สเปน กล่าว

ทีมวิจัยกล่าวว่า สิ่งที่พวกเขาพบนั้นไม่ได้แสดงว่า นีแอนเดอร์ทัลเข้าไปยังแอฟริกาและมีความสัมพันธ์กับชาวแอฟริกันโบราณ แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการบอกคือ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์โบราณ 2 เผ่าพันธุ์นั้นเกิดขึ้นนอกแอฟริกา ซึ่งอาจจะเป็นตะวันออกใกล้ แล้วพวกเขาก็อพยพกลับไปยังแอฟริกาบางส่วน แล้วกลายเป็นประชากรของแอฟริกาเหนือ คล้ายๆ การเข้าไปแทนหรือการปะปนไปในประชากรของบรรพบุรุษ และยังชี้ว่ากลุ่มในแอฟริกาเหนือนั้นไม่ใช่กลุ่มที่ทำการอพยพครั้งใหญ่ แต่อาจจะเป็นชาวแอฟริกาตะวันออกที่นำขบวนอพยพครั้งใหญ่นั้น







กำลังโหลดความคิดเห็น