“ดร.อานนท์” แนะ 5 วิธีรับมือ “อุทกภัย” ในปี 2555 ด้วยเครื่องมือบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่แล้ว ชี้มีเวลาเตรียมตัว 6 เดือนในช่วงน้ำยังไม่หลาก และต้องลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้ พร้อมให้ความเห็นหากน้ำมากเหมือนปีที่ผ่านมา ความเสียหายจะไม่รุนแรงเท่าเดิม เพราะเพิ่งได้รับบทเรียนสดๆ ร้อนๆ
“จริงๆ ในปี 2555 ไม่ค่อยน่ากังวลอะไร หากพายุไม่เข้ามาใกล้ไทยก็ไม่น่ามีปัญหา ฝนปีนี้น่าจะน้อย แต่ถ้าน้ำมาเท่า เดิมก็เชื่อว่าจะมีการบริหารจัดการที่ดีกว่าเยอะ ขอให้มาเถอะ มาติดๆ กันนั้นดีเพราะบทเรียนยังสดๆ การฟื้นฟูบริหารจัดการคงดีขึ้น แต่ถ้าเว้นช่วงแล้วเราก็จะลืม” ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) และเลขานุการคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่ สาธารณภัยร้ายแรง ให้ความเห็น
สำหรับแนวทางในการรับมือกับอุทกภัยในปี 2555 นี้ ดร.อานนท์กล่าวว่า เรามีเครื่องมือบริหารจัดการน้ำอยู่แล้ว 5 อย่าง คือ ประตูระบายน้ำ คันกั้นน้ำ คูคลองต่างๆ สถานีสูบน้ำ และพื้นที่แก้มลิง ซึ่งต้องรักษาให้ดีและดูแลซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติภายใน 6 เดือน เพราะเข้าหน้าฝนแล้วจะทำให้การซ่อมบำรุงทำได้ลำบาก ทั้งนี้เป็นกังวลว่าหากไม่เริ่มฟื้นฟูเครื่องมือบริหารจัดการน้ำต่างๆ ที่อยู่นั้นเกรงว่าจะไม่ทันต่อการรับมืออุทกภัย
“เราต้องมาทบทวนบทเรียนในปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อถึงวิกฤตจริงๆ ประเด็นสำคัญคือการตัดสินใจและข้อมูล อีก 6 เดือนน้ำอย่างแน่นอน ปรากฏการณ์ลานิญญาอ่อนๆ จะทำให้ต้นฤดูฝนมีน้ำเยอะ แต่ช่วงปลายถึงกลางปี 2555 น้ำน่าจะน้อยกว่าช่วงเดียวกันในปี 2554 มันเป็นเรื่องของมรสุม แต่ผมยังไม่เชื่อว่าเป็นลานิญญาเสียทีเดียว เพราะอุณหภูมิน้ำทะเลเฉลี่ยตอนนี้อยู่ประมาณ -0.9 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเป็นลานิญญาได้อุณหภูมิต้องต่ำกว่า -1 องศาเซลเซียส แต่ตอนนี้ก็พยากรณ์ลานิญญาได้ยากกว่าเมื่อก่อน โดยปกติลานิญญาจะหมดในช่วง มี.ค.-เม.ย. แต่ก็อาจจะยาวถึงเดือน ก.ค.-ส.ค.” ดร.อานนท์อธิบาย
ทั้งนี้ ในปี 2555 จะอยู่ในช่วงที่เกิดพายุไต้ฝุ่นเฉลี่ยสูงตามวงรอบ 30 ปี ซึ่งเป็นสถิติที่ ดร.อานนท์ได้ศึกษาไว้ ซึ่งจากการศึกษาพบว่าในช่วงปี 2543 ไม่มีพายุเลย จากนั้นก็เป็นช่วงขาขึ้นที่มีพายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และเฉลี่ยสูงสุดในช่วงปี 2555-2558ซึ่งจะมีพายุเข้ามาเฉลี่ยปีละ 3 ลูก
สำหรับอุทกภัยในปีที่ผ่านมา ดร.อานนท์กล่าวว่า 60-70% เป็นผลพวงจากปัญหาที่สะสมมายาวนาน ทั้งปัญหาเรื่องการใช้ที่ดิน การสร้างถนน นโยบายผังเมือง นโยบายการเกษตร อย่างเช่น การส่งเสริมให้ต้องผลิตข้าวเยอะๆ ทำให้ต้องกักเก็บน้ำไว้มาก เป็นต้น แต่ในมุมมองส่วนตัวเขาไม่คิดว่าน้ำท่วมในปี 54 นั้นเป็นภัยพิบัติ เพราะไม่ได้สร้างความรุนแรงต่อชีวิต แต่เป็นภัยพิบัติเชิงเศรษฐกิจมากกว่า ส่วนปัญหาน้ำท่วมขังหรือน้ำเน่าเป็นปัญหาในเรื่องสุขอนามัย แต่การเสียชีวิตจากไฟดูดหรืออื่นๆ เป็นผลกระทบทางอ้อม