xs
xsm
sm
md
lg

"เอนเดฟเวอร์" ออกเดินทางปฏิบัติภารกิจสุดท้าย ตรวจจับปฏิสสาร-พลังงานมืด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอนเดฟเวอร์ได้ออกเดินทางจากฐานบินข้างทะเล ศูนย์อวกาศเคนนาดี บริเวณแหลมคานาเวรัล มลรัฐฟลอริดา พาการทดลองปฏิสสารและพลังงานมืดไปปฏิบัติหน้าที่ให้เซิร์น (NASA)
นาซาส่ง "เอนเดฟเวอร์" กระสวยอวกาศน้องเล็กสุดท้อง ออกเดินทางครั้งสุดท้ายได้สำเร็จ พร้อมขนกล้องศึกษาสเปกตรัม เก็บข้อมูลให้ "เซิร์น"ตรวจจับปฏิสสารและพลังงานมืดในเอกภพ

กระสวยอวกาศเอนเดฟเวอร์ (Endeavour) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ได้ออกเดินทางจากศูนย์อวกาศเคนนาดี แหลมคานาเวรัล มลรัฐฟลอริดา สู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) แล้ว เมื่อเวลา 19.56 น.ของวันที่ 16 พ.ค.2011 ตามเวลาประเทศไทย พร้อมลูกเรือประจำยานอีก 6 นาย หลังต้องเลื่อนกำหนดมานาเกือบ 2 สัปดาห์ เหตุเพราะไฟฟ้าขัดข้อง

มาร์ก เคลลี (Mark Kelly) รับหน้าที่บัญชาการเที่ยวบินเอสทีเอส-134 (STS-134) อันเป็นรหัสการเดินทางครั้งสุดท้ายของเอนเดฟเวอร์ เขาได้นำพายานอายุ 19 ปีทะยานขึ้นฟ้า ท่ามกลางผู้สังเกตการณ์กว่า 500,000 คน รวมถึงกาเบรียล กิฟฟอร์ดส์ (Gabrielle Giffords) วุฒิสมาชิกแห่งมลรัฐแอริโซนา ภรรยาของเคลลี ที่ถูกยิงที่ศรีษะ แต่รอดชีวิตแบบไร้การรับรู้มาตลอดกว่าปี ก็เพิ่งจะรู้สึกตัวเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเธอได้เดินทางมาชมการปฎิบัติหน้าที่ของสามีในครั้งนี้ด้วย

การเดินทางของเอนเดฟเวอร์ในครั้งนี้ มีกำหนดปฏิบัติภารกิจนอกโลกเป็นเวลา 16 วัน โดยนอกจากจะขนส่งเครื่องอุปโภคและอุปกรณ์ที่จำเป็นสู่ไอเอสเอสแล้ว ยังจะมีการทดลองทางด้านฟิสิกส์ดาราศาสตรด้วย

ครั้งนี้ เอนเดฟเวอร์ได้นำกล้องศึกษาสเปกตรัมเอเอ็มเอส (AMS : Alpha Magnetic Spectrometer) มูลค่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นไปค้นหาศึกษา "ปฏิสสาร" (antimatter) และ "พลังงานมืด" (dark energy) ในเอกภพ

กล้องเอเอ็มเอสตัวดังกล่าว พัฒนาขึ้นโดยเซิร์น (CERN) องค์กรเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรป โดยออกแบบขึ้นเพื่อตรวจวัดปฏิสสารในอวกาศ ทว่าในช่วงสุดท้ายที่ติดตั้งสวิตซ์แม่เหล็ก ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลง จึงทำให้เกิดข้อกังวลว่า เมื่อกล้องเอเอ็มเอสถูกนำไปใช้จริงที่อวกาศ จะมีศักยภาพในการตรวจจับปฏิสสารได้เท่ากับภาคพื้นดินหรือไม่

ครั้งนี้นอกจากจะเป็นการเดินทางครั้งสุดท้าย ยังนับเป็นการบินครั้งที่ 25 ของเอนเดฟเวอร์ น้องเล็กแห่งฝูงกระสวยอวกาศนาซา ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนชาแลนเจอร์ (Challenger) ที่ครบรอบ 25 ปีแห่งโศกนาฎกรรมไปเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา
ลูกเรือทั้ง 6 ของเที่ยวบินเอสทีเอส 134 คราวนี้เป็นอเมริกัน 5 มีนักบินชาวอิตาลีอีก 1 นาย (REUTERS)
มาร์ก เคลลี (ขวา) ผู้บัญชาการประจำเที่ยวบิน แสดงท่าพร้อมเดินทาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาอาจจะไม่ได้บิน เพราะต้องออกจากการฝึกกระทันหันจากเหตุภรรยาถูกยิง (REUTERS)
โรแบร์โต วิตตอรี มนุษย์อวกาศชาวอิตาลี ผู้เชี่ยวชาญภารกิจพิเศษของเที่ยวบินนี้ เป็นตัวแทนมาจากองค์การอวกาศยุโรป (REUTERS)
เอนเดฟเวอร์น้องนุชสุดท้องวัย 19 ปี ในหมู่กระสวยอวกาศสูงอายุของนาซา (AP)
ธงสัญญลักษณ์เอนเดฟเวอร์ประจำอยู่ใต้ธงสหรัฐฯ การเดินทางครั้งสุดท้ายของยาน และจะเป็นครั้งรองสุดท้ายของฝูงบิน จากนั้นสหรัฐฯ จะไร้ยานขนส่งอวกาศของตัวเอง (AP)
ทุกครั้งที่เตรียมการปล่อยยาน (อันยาวนาน) เราก็จะได้เห็นภาพเต่าแวะเวียนมาแถวๆ ฐานปล่อยอยู่ประจำ (AFP)
กำลังโหลดความคิดเห็น