บริษัทน้ำหอมสวิสด้อมมองสมุนไพรไทย ด้านนาโนเทคเห็นโอกาสแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีเครื่องหอม เล็งความร่วมมือด้านผลิตภัณฑ์เครื่องหอมสำหรับดูแลร่างกายและครัวเรือน ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนกว่าอุตสาหกรรมน้ำหอม
กลิ่นหอมเป็นสิ่งช่วยสร้างแรงดึงดูดให้แก่สินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ แต่กลิ่นหอมนั้นจางหายได้ง่าย อย่างที่ ดร.อภิรดา สุคนธ์พันธุ์ นักวิจัยห้องปฏิบัติการนาโนเวชสำอาง ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) กล่าวกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้ดการออนไลน์ จึงจำเป็นต้องมีวิธีที่จะเก็บรักษากลิ่นให้นานขึ้น
"น้ำหอมนั้นระเหยง่าย บางตัวระเหยเร็วมาก เพียงชั่วขณะกลิ่นน้ำหอมก็หายไปหมด จึงจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีที่ค่อยๆ ปลดปล่อยกลิ่นเพื่อช่วยให้เก็บกลิ่นได้นาน" ดร.อภิรดากล่าว
สำหรับเทคโนโลยีที่ห้องปฏิบัติการนาโนเวชสำอางใช้เพื่อเก็บกลิ่นให้ได้นานนั้น คือ เทคโนโลยีเอนแคปซูเลชัน (encapsulation) ซึ่ง วิธีการคือนำน้ำมันหอมระเหยไปเก็บไว้ในผนังพอลิเมอร์ 2 ชนิด ซึ่งทำหน้าที่เป็นผนัง 2 ชั้นที่มีประจุต่างกัน (ประจุบวกและประจุลบ)
“นำน้ำมันหอมระเหยไปใส่ในผนังที่มีประจุบวก แต่ประจุบวกอย่างเดียวอ่อนแอเกินไป เก็บกลิ่นได้ไม่นาน จึงต้องใส่ผนังประจุลบเข้าไปด้วยทำให้ผนังหนาและแข็งแรงขึ้น เมื่อเก็บกลิ่นได้แล้วก็นำไปใช้กับเครื่องสำอางต่างๆ ได้ ซึ่งน้ำหอมจะค่อยๆ แทรกออกจากรูของผนังออกมา ถ้าไม่มีผนังกลิ่นจะระเหยเร็วมาก อาจอยู่ได้แค่อาทิตย์เดียว แต่คาดว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยเก็บกลิ่นได้นานเป็นเดือน ซึ่งเรายังต้องศึกษาต่อไปอีกให้แน่ชัด” ดร.อภิรดากล่าว
ทั้งนี้ เทคโนโลยีเอนแคปซูเลชันไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่สิ่งที่ห้องปฏิบัติการนาโนเวชสำอางเน้นคือใช้พอลิเมอร์จากธรรมชาติ ซึ่งนอกจากพอลิเมอร์จากธรรมชาติแล้วยังใช้พอลิเมอร์สังเคราะห์หรือใช้สารเคมีประเภทอื่นเพื่อใช้เป็นแคปซูลเก็บกลิ่นได้ โดยขนาดของแคปซูลที่ใช้เก็บกลิ่นนี้มีตั้งแต่เล็กระดับนาโนเมตรไปจนถึงระดับไมโครเมตร และหลังจากเก็บน้ำมันหอมระเหยลงแคปซูลแล้ว จะได้สารเคมีในรูปผงที่นำไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย
ด้าน ภญ.ดร.ฉลอง เลาจริยกุล ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยกลาง นาโนเทค กล่าวว่า กลิ่นเป็นเรื่องสำคัญ อย่างน้อยทำให้เราได้ผ่อนคลาย ซึ่งทางนาโนเทคเคยทำงานวิจัยเกี่ยวกับการเก็บกลิ่นในบุหงา และได้ถ่ายทอดให้แก่เอกชนไทยเพื่อผลิตให้แก่แบรนด์สินค้าชั้นนำและส่งออกไปยังต่างประเทศ ล่าสุดมีงานวิจัยด้านการเก็บกลิ่นได้นานขึ้น ทางศูนย์จึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการและภาคเอกชน ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอาง เมื่อวันที่ 19 เม.ย.54 ณ โรงแรมสยามซิตี
เป้าหมายของการจัดประชุมดังกล่าวนั้นเพื่อให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้เทคนิคการทำสารห่อหุ้มกลิ่น และทางนาโนเทคยังได้สาธิตให้เห็นว่าสามารถนำสารสกัดจากธรรมชาติมาผลิตเป็นสารให้ความหอมได้ และอยากจะเน้นให้ผู้ประกอบการเลือกใช้สารที่ปลอดภัยจากธรรมชาติแทนสารเคมีสังเคราะห์ รวมทั้งผู้ประกอบการยังได้เรียนรู้เทคโนโลยีจาก บริษัท เฟอร์มีนิช (Firmenich) ผู้ผลิตเครื่องหอมรายใหญ่ของโลกจากสวิตเซอร์แลนด์
“เป็นครั้งแรกที่เฟอร์มีนิชเข้ามาเมืองไทย มาแนะนำตัว แนะนำงานวิจัย สักวันเราอาจจะส่งคนของเราไปฝึกกับเขา แลกเปลี่ยนจุดแข็งของเขากับของเรา ที่เขามาเมืองไทยเพราะเขาสนใจสมุนไพรและงานด้านนาโนเวชสำอางของนาโนเทค ซึ่งเราทำมาได้ 2-3 ปีแล้ว และเขาจะเป็นส่วนที่ทำให้เราไม่ตกกระแส” ภญ.ดร.ฉลองกล่าว
สำหรับความร่วมมือกับเฟอร์มีนิชที่ ภญ.ดร.ฉลองมองว่าสนใจคือ ความร่วมมือวิจัยด้านการดูแลผิวพรรณและร่างกาย เช่น เครื่องสำอางในการทำความสะอาดร่างกาย ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และเครื่องหอมสำหรับใช้ภายในบ้าน เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลสิ่งทอภายในบ้าน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นผิวบ้าน และน้ำหอมปรับอากาศ เป็นต้น ซึ่งงานวิจัยด้านเหล่านี้ต้องอาศัยเทคโนโลยีมาก ขณะที่อุตสาหกรรมน้ำหอมที่บรรจุขวดขายนั้นไม่เน้นใช้เทคโนโลยีมากนัก