xs
xsm
sm
md
lg

“เอนเดฟเวอร์” ลงจอดท่ามกลางความมืด เหลืออีก 4 เที่ยวก่อนปิดฉาก "ยุคกระสวยอวกาศ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพเอนเดฟเวอร์ลงจอดตอนกลางคืน ส่งท้ายปีอำลาฝูงบินอวกาศ ซึ่งจะปลดระวางในปีนี้ (เอเอฟพี)
“เอนเดฟเวอร์” ทิ้งทวนยุคกระสวยอวกาศ ด้วยการลงจอดตอนกลางคืน นับเป็นสิ่งที่หาดูได้ยาก เพราะมีเพียง 23 ครั้งจาก 130 เที่ยวบิน เหลือภารกิจอีก 4 เที่ยวบิน ก่อนนาซาส่งไม้ต่อให้เอกชนพัฒนาเทคโนโลยีส่งมนุษย์สู่สถานีอวกาศ แล้วมุ่งพัฒนาเทคโนโลยี กลับไปดวงจันทร์-ดาวอังคารแทน

กระสวยอวกาศ "เอนเดฟเวอร์" (Endeavour) ลงจอดที่ศูนย์อวกาศเคนเนดี (Kennedy Space Center) ในมลรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ เมื่อเวลา 22.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 10.20 น. ของวันที่ 22 ก.พ. ตามเวลาประเทศไทย หลังปฏิบัติภารกิจต่อเติมสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station: ISS) ในเที่ยวบิน STS-130 เป็นเวลา 2 สัปดาห์ และเป็นภารกิจของกระสวยอวกาศสู่สถานีอวกาศครั้งที่ 32 และเป็นเที่ยวบินที่ 24 ของกระสวยอวกาศเอนเดฟเวอร์

การลงจอดครั้งนี้ เป็นการลงจอดตอนกลางคืนขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก จาก 130 เที่ยวบินของกระสวยอวกาศ โดยสำนักข่าวเอพีระบุว่า มีเพียง 23 เที่ยวบิน ที่เป็นการลงจอดตอนกลางคืน

ครั้งล่าสุดของการลงจอดตอนกลางคืนคือเมื่อปี 2008 ซึ่งเป็นเที่ยวบินของเอนเดฟเวอร์เช่นกัน โดยเอนเดฟเวอร์เป็นกระสวยอวกาศอวกาศอายุน้อยที่สุด ในบรรดากระสวยอวกาศ 3 ลำที่เหลืออยู่คือ ดิสคัฟเวอรี (Discovery) แอตแลนติส (Atlantis) และเอนเดฟเวอร์

สำหรับภารกิจต่อเติมสถานีอวกาศล่าสุดของเอนเดฟเวอร์นี้ ลูกเรือได้นำโหนดใหม่ “แทรงคิวลิตี” (Tranquility) ขึ้นไปติดตั้ง พร้อมด้วยหอสังเกตการณ์อวกาศ “คิวโพลา” (Cupola) ที่มีหน้าต่างถึง 7 ช่อง ซึ่ง โซอิจิ โนกุจิ (Soichi Noguchi) นักบินอวกาศญี่ปุ่นที่ประจำอยู่บนสถานีอวกาศได้ใช้หอสังเกตการณ์นี้เอง ติดตามเอนเดฟเวอร์เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก พร้อมๆ กับส่งข้อความสั้นผ่านทวิตเตอร์ (twitter) จากอวกาศด้วย

เที่ยวบินของเอนเดฟเวอร์ครั้งนี้ ยังเป็นเที่ยวบินแรกของนาซาในปี 2010 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของฝูงบินกระสวยอวกาศที่กำลังจะปลดระวาง โดยเหลือภารกิจส่งกระสวยอวกาศอีก 3 เที่ยวบิน ครั้งถัดไปคือเที่ยวบินของกระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรี ที่มีกำหนดส่งขึ้นไปในวันที่ 5 เม.ย.นี้ จากนั้นเป็นเที่ยวบินของแอตแลนติส ที่มีกำหนดส่งในวันที่ 14 พ.ค. ส่วนเอนเดฟเวอร์จะปฏฺบัติภารกิจเที่ยวสุดท้ายในเที่ยวบิน STS-134 เดือน ก.ค.และปิดท้ายตำนานกระสวยอวกาศด้วยกระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรีในเที่ยวบิน STS-133 วันที่ 16 ก.ย.

สเปซดอทคอมรายงานด้วยว่า ปัจจุบันสถานีอวกาศเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว 98% และหลังจากติดตั้งหอสังเกตการณ์ที่หนัก 1.6 ตัน และโหนดใหม่แทรงคิวลิตีที่ตั้งชื่อตามจุดลงจอดบนดวงจันทร์ของยานอะพอลโล 11 (Apollo11) ซึ่งหนักถึง 12 ตัน ตอนนี้สถานีอวกาศซึ่งมีอายุ 11 ปีแล้วนั้น หนักถึง 362,873 กิโลกรัม

ทั้งนี้เพียง 1 สัปดาห์ก่อนส่งกระสวยองกาศเอนเดฟเวอร์ บารัค โอบามา (Barak Obama) ได้เผยงบประมาณปี 2011 สำหรับนาซา ซึ่งได้ระงับโครงการ “คอนสเตลเลชัน” (Constellation) โครงการพัฒนายานอวกาศใหม่ของนาซา หากแผนงบประมาณได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส (Congress) จะมีงบประมาณ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 2แสนล้านบาท ที่ใช้สำหรับกระตุ้นยานอวกาศเชิงพาณิชย์ในการส่งมนุษย์ขึ้นสู่วงโคจรและสถานีอวกาศ เพื่อให้นาซาเองได้ทุ่มเทไปกับเป้าหมายของการส่งมนุษย์กลับไปดวงจันทร์และดาวอังคาร รวมถึงดาวเคราะห์น้อย
ภาพขณะเอนเดฟเวอร์เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ บันทึกโดยสถานีอวกาศ (นาซา)
ลูกทีมส่วนหนึ่งของเอนเดฟเวอร์ (ซ้ายไปขวา) เทอร์รี เวิร์ทส (Terry Virts) นักบินประจำเที่ยว, และผู้เชี่ยวชาญประจำเที่ยว แคทรีน ไฮร์ (Kathryn Hire) และสตีเฟน โรบินสัน (Stephen Robinson) - เอเอฟพี
นักบินอวกาศประจำเที่ยวบิน (ซ้ายไปขวา) แคทรีน ไฮร์ - ผู้เชี่ยวชาญประจำเที่ยวบิน, เทอร์รี เวิร์ทส นักบิน, ผู้เชี่ยวชาญพิเศษประจำภารกิจ นิโคลัส แพทริก (Nicholas Patrick), จอร์จ แซมกา (George Zamka) ผู้บัญชาการ, สตีเฟน โรบินสัน - ผู้เชี่ยวชาญประจำภารกิจ และ โรเบิร์ต เบห์นเกน (Robert Behnke) - ผู้เชี่ยวชาญประจำเที่ยว (เอเอฟพี)
นิโคลัส แพทริก ขณะปฏิบัติภารกิจเดินอวกาศ (นาซา)
บารัค โอบามา โทรศัพท์ขึ้นไปแสดงความยินดีกับนักบินอวกาศบนสถานีอวกาศเมื่อวันที่ 17 ก.พ. (เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น