ปัจจุบันเหลือเสือโคร่งไซบีเรียในป่าธรรมชาติของรัสเซียอยู่ราว 450 ตัวเท่านั้น แต่สถานการณ์ท่อส่งน้ำมันในแถบไซบีเรียของรัสเซีย ทำให้กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมออกมาแสดงความกังวล ต่อภัยที่คุกคามแมวใหญ่แห่งป่าที่ใกล้จะสญพันธุ์นี้
อีกอร์ ไดโอมิน (Igor Dyomin) โฆษกบริษัทนำส่งน้ำมันทรานสเนฟท์ (Transneft) เผยกับเอเอฟพีว่า มีน้ำมันปริมาณ 300 ลูกบาศก์เมตร รั่วไหลจากท่อส่งน้ำมันในแถบไซบีเรียตะวันออกของรัสเซีย ซึ่งน้ำมันที่รั่วไหลดังกล่าว กินพื้นที่ครอบคลุมบริเวณกว้าง 10 เมตรไปไกล 1.2 กิโลเมตร
ด้านกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) กลุ่มรณรงค์เพื่อการอนุรักษ์สัตว์ป่า ได้ออกมาแถลงต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่า อุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นนี้ แสดงให้เห็นถึงข้อบกพร่องอย่างใหญ่หลวงของโครงการเดินท่อน้ำมันไซบีเรีย-แปซิฟิก ที่เพิ่งจะดำเนินงานได้ไม่นาน
“WWF เป็นกังวลว่าแผนในการขยายโครงการท่อส่งน้ำมันนี้จะกระทบต่อที่อยู่อาศัยของเสือโคร่งไซบีเรีย” ถ้อยแถลงของ WWF
ท่อน้ำส่งน้ำมันที่เกิดการรั่วไหลนี้ เป็นส่วนแรกของท่อที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองไทเชต (Taishet) ทางตะวันออกของไซบีเรียกับเมืองสโกโวโลดิโน (Skovorodino) ในแคว้นอามูร์ (Amur) ซึ่งได้เริ่มเปิดใช้งานเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่านมา
สำหรับท่อส่งน้ำมันส่วนที่สองซึ่งมีแผนสร้างท่อส่งน้ำมันที่มีความยาว 2,100 กิโลเมตรจากเมืองสโกโวโลดิโน ไปยังคลังน้ำมันกอซมิโนใกล้กับท่าเรือมหาสมุทรแปซิฟิกของเมืองนาคอดกา
ทั้งนี้รัสเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลกตั้งความหวังว่าเส้นทางส่งน้ำมันนี้ จะสร้างฐานลูกค้าที่หลากหลายขึ้น จากที่มีอยู่แล้วในยุโรปไปยังชาติในเอเชียที่กระหายพลังงาน
“การปล่อยน้ำมันนี้ ทำขึ้นระหว่างการทำงานตามปกติของท่อส่งน้ำมัน เรากำลังประเมินสาเหตุ แต่ไม่เกี่ยวกับการทำงานของท่อส่งน้ำมันอย่างแน่นอน และเราก็ไม่มองข้ามความผิดพลาดที่เกิดจากคนเช่นกัน" ไดโอมินกล่าว และเสริมว่าต้องใช้เวลาราว 1 เดือนในการสืบสวนสิ่งที่เกิดขึ้น
ขณะที่ WWF แถลงว่าสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ควรได้รับการสอบสวนจากสาธารณะ และเรียกร้องให้มีการประเมินที่โปร่งใสกับโครงการท่อส่งน้ำมันระยะสอง รวมถึงผู้มีส่วนร่วมทั้งหมด ทั้งทางตะวันออกไกลของรัสเซียเป็นอยู่อาศัยหลักของเสือโคร่งไซบีเรีย ซึ่งอาศัยอยู่ในป่าธรรมชาติที่นั่นประมาณ 450 ตัว โดยมีราว 20-25 ตัวที่อาศัยอยู่ในจีน