xs
xsm
sm
md
lg

สวิสส่งดาวเทียมดวงแรกของชาติ "สวิสคิวบ์" หนัก 8 ขีดผลงานนักศึกษา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจำลองดาวเทียมสวิสคิวบ์ บนภาพจำลองชั้นบรรยากาศ (ภาพประกอบจากไซน์เดลี/)
สวิตเซอร์แลนด์ส่งดาวเทียมดวงแรกของประเทศ "สวิสคิวบ์" เล็กจิ๋วเพียง 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร หนักแค่ 8 ขีด ผลงานสร้างและออกแบบของนักศึกษา 200 คน ไว้ศึกษาการเรืองของชั้นบรรยากาศที่เกิดจากรังสีคอสมิคและก๊าวในชั้นบรรยากาศโลก ต้นทุนแค่ 20 ล้านบาท อายุใช้งาน 3 เดือน - 1 ปี

สวิตเซอร์แลนด์ประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียมดวงแรกของประเทศ เมื่อวันที่ 24 ก.ย.52 ผ่านมา จากฐานปล่อยจรวดในอินเดีย ความพิเศษของดาวเทียมดวงนี้คือเป็นผลงานการออกแบบและสร้างของนักศึกษาร่วม 200 คน จากสถาบันโพลีเทคนิคแห่งเมืองโลซานน์ (Ecole Polytechnique Fédérale de Lausanne) สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งร่วมกันพัฒนาดาวเทียมจิ๋ว เป็นรุปทรงสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร และหนักเพียง 820 กรัม ด้วยต้นทุนที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับดาวเทียมอื่นๆ เพียง 20 ล้านบาท

ดาวเทียมดวงนี้มีชื่อว่า "สวิสคิวบ์" (SwissCube) ซึ่งถูกส่งขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ในการสังเกตปรากฏการณ์ "ชั้นบรรยากาศเรืองแสง" (airglow) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์เรืองแสงในชั้นบรรยากาศของดาว เนื่องจากการปะทะของรังสีคอสมิคในชั้นบรรยากาศด้านบน และการเรืองแสงเนื่องจากปฏิกิริยาเคมี ที่มีสาเหตุหลักๆ จากออกซิเจนและไนโตรเจนทำปฏิกิริยากับไอออนของไฮดรอกซิลที่ระดับความสูงหลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งดาวเทียมสัญชาติสวิสนี้จะช่วยให้นักศึกษาและนักวิจัยเข้าใจปรากฏการณ์นี้ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในรอบกลางวัน-กลางคืน

อย่างไรก็ ดีไซน์เดลีระบุว่าเป้าหมายจริงๆ ของการส่งดาวเทียมดวงนี้ขึ้นไปคือเพื่อการศึกษาชั้นบรรยากาศ โดยนักศึกษากว่า 200 ชีวิตได้ทำงานอย่างใกล้ชิด ร่วมกับนักวิจัยของสถาบัน รวมถึงคณะและสถาบันเทคนิคอื่นๆ ที่เข้าร่วมโครงการ วิศวกรวัยเยาว์เหล่านี้ล้วนมีเป้าหมายเป็นหนึ่งเดียวในการเป็นส่วนร่วมของโครงการอวกาศตั้งแต่ขั้นตอนระดมความคิดไปจนถึงรวบรวมข้อมูลจากวงโคจร และร่วมงานกันตั้งแต่วางแนวคิด ออกแบบ จนถึงขั้นตอนการสร้าง

ผลพวงจากการทำงานอย่างหนักร่วมกัน ระหว่างนักศึกษาและอาจารย์เป็นเวลากว่า 3 ปีครึ่ง กล่องลูกบาศก์ที่บรรจุเทคโนโลยีล้ำยุค และกล้องโทรทรรศน์สำหรับสังเกตปรากฏการณ์อากาศเรืองแสงนี้ ได้ทะยานขึ้นสู่วงโคจร และส่งสัญญาณติดต่อกลับลงมา ซึ่งรับสัญญาณแรกได้ที่เมืองสแตนฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ โดยอายุการทำงานของดาวเทียมดวงนี้อยู่ที่ 3 เดือน - 1 ปี

ด้วยสภาพแวดล้อมอันสุดทรหด ที่ดาวเทียมจิ๋วดวงนี้ต้องเผชิญ ทั้งการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างสุดขั้ว ระหว่าง -50 ถึง 70 องศาเซลเซียส รังสีที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์และสภาพสุญญากาศ ดาวเทียมดวงนี้จึงต้องได้รับการออกแบบให้มีความทนทาน รวมถึงการสั่นสะเทือนระหว่างยิงจรวดเพื่อส่งดาวเทียม จึงไม่อาจปล่อยให้เกิดความผิดพลาดแม้เพียงเล็กๆ ในการเชื่อมอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเด็ดขาด และองค์ประกอบทุกส่วนยังได้รับการทดสอบอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจในความแข็งแรง

ด้วยขนาดและงบประมาณเพียงน้อยนิดนี้ ทำให้เกิดนวัตกรรมหลายอย่างที่อาจนำไปใช้กับดาวเทียมพาณิชย์ต่อไปในอนาคตได้ อย่างเช่นการเชื่อมต่อทองแดงเข้ากับเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์ภายในที่ค่อนข้างมีศักยภาพ ซึ่งขนาดและรูปร่างของดาวเทียมนี่เอง ทำให้ทีมพัฒนาออกแบบดาวเทียมที่มีประสิทธิภาพและราคาไม่แพงได้

สวิสคิวบ์มีความเร็วในการเคลื่อนที่มากกว่า 7 กิโลเมตรต่อวินาที หมุนรอบโลกครบทุกๆ 99 นาที และจะมีการติดต่อกับดาวเทียมวันละ 1-2 ครั้ง เพื่อส่งข้อมูลอันซับซ้อนทั้งภาพถ่าย การวัดอุณหภูมิ และข้อมูลวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการเรืองแสงของชั้นบรรยากาศได้ในเวลาเพียง 10 นาที และข้อมูลเหล่านี้จะใช้เพื่อการผลิตดาวเทียมดวงต่อไปของสวิตเซอร์แลนด์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
นักวิจัยทำงานอย่างขมักเขม้นและพิถีพิถัน
สวิสคิวบ์ เล็กจิ๋ว แค่ 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร ระหว่างการประกอบ ภายในห้องปฏิบัติการ
กล้องบันทึกภาพของสวิสคิวบ์
กำลังโหลดความคิดเห็น