"รู้อย่างนี้แล้ว ต่อไปต้องปิดโหมดสแตนด์บายนะลูก" คุณแม่บอกคุณลูก หลังข้อความ "ถ้าคนไทย 5 ล้านครัวเรือน หรือเพียง 25% ของครัวเรือนปิดไฟสแตนด์บาย จะช่วยให้เราประหยัดเงินได้ปีละ 23 ล้านบาท" เผยออกมาเมื่อลูกชายถอดปลั๊กสแตนด์บายของนิทรรศการพลังงานในมหกรรมวิทย์
นิทรรศการพลังงานเป็นอีกหนึ่งนิทรรศการหลักภายในมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2552 กิจกรรมเนื่องในสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ที่จัดขึ้นระหว่าง 8-23 ส.ค.52 ณ อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ ได้เก็บสาระมาฝาก ทั้งนี้หลายคนอาจได้ยินเรื่องพลังงานสะอาดมามาก แต่อาจจะไม่เข้าใจว่าแหล่งพลังงานสะอาดนั้นจะมาทดแทนพลังงานหลักอย่างพลังงานฟอสซิลได้อย่างไรและมีอะไรบ้าง
พลังงานแสงอาทิตย์
รถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์กำลัง 3 วัตต์ เป็นอีกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าแสงสว่างนั้นเปลี่ยนเป็นพลังงานได้อย่าง และพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปลี่ยนไปเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ด้วยอุปกรณ์สำคัญอย่าง "เซลล์แสงอาทิตย์" นั้นยังได้รับโหวตจากผู้เข้าชมนิทรรศการให้เป็นพลังงานในดวงใจอันดับหนึ่ง
เซลล์เชื้อเพลิง
"เซลล์เชื้อเพลิง" เป็นอีกตัวอย่างของพลังงานแห่งอนาคต ซึ่งมีหลักการทำงานคร่าวๆ คือ เติมไฮโดรเจนลงในเซลล์เชื้อเพลิง จากนั้นตัวเร่งปฏิกิริยาจะทำให้ไฮโดรเจนแตกตัวได้ประจุบวกและประจุลบ ประจุบวกจะวิ่งไปขั้วลบ เกิดเป็นกระแสไฟฟ้า ส่วนประจุลบจะวิ่งไปรวมกับออกซิเจนจากภายนอกได้เป็นน้ำ
ชีวมวล
พลังงานชีวมวลจากเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรนำไปเปลี่ยนเป็นพลังงานไบโอดีเซลและแก๊สโซฮอล์ได้ พลังงานความร้อนใต้พิภพเป็นอีกหนึ่งพลังงานที่เปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ โดยอาศัยการถ่ายเทความร้อนจากน้ำพุไปหมุนกังหันผลิตไฟฟ้า
พลังงานน้ำ
ขณะเดียวกันเราอาศัยพลังงานน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้เช่นกัน โดยการสร้างเขื่อน เพื่ออาศัยการเปลี่ยนแปลงพลังงานจลย์และพลังงานศักย์ของระดับน้ำ ไปหมุนกังหันผลิตกระแสไฟฟ้า เช่นเดียวกับการเปลี่ยนพลังงานน้ำขึ้น-น้ำลงเป็นพลังงานไฟฟ้า ด้วยหลักการคล้ายการผลิตกระแสไฟฟ้าจากเขื่อน ทั้งนี้เราจะสร้างเขื่อนที่ปากอ่าวหรือกั้นแม่น้ำ อาศัยช่วงการเปลี่ยนแปลงน้ำไหลขึ้นและไหลลงเพื่อหมุนกังหันผลิตไฟฟ้า
พลังงานนิวเคลียร์
พร้อมกันนี้ภายในนิทรรศการยังได้พ่วงนิทรรศการพลังงานนิวเคลียร์เป็นอีกหนึงพลังงานทางเลือก ส่วนจะเป็นพลังงานสะอาดด้วยหรือไม่นั้น ต้องไปหาคำตอบภายในนิทรรศการ
ประหยัดพลังงาน ไม่เดือดร้อนหาแหล่งพลังงานใหม่
นอกจาก จัดแสดงพลังงานที่จะเป็นทางเลือกแล้ว ยังมีข้อมูลด้านใช้การพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การใช้ตู้เย็น ไม่ควรเปิด-ปิดบ่อยๆ เนื่องจากทำให้เปลืองไฟ หรือการเลือกหม้อหุงข้าวควรเลือกใบที่ไม่ใหญ่นักและเหมาะสมกับการใช้งานเพื่อประหยัดไฟฟ้า หรือหากลดขนาดกระติกน้ำร้อนจาก 2.5 ลิตร เป้น 1.25 ลิตร จะประหยัดไฟลงได้ 46% ส่วนตู้เย็นหากเปิดค้างไว้นานๆ หรือบ่อยครั้งจะยิ่งเปลืองไฟมากขึ้น ส่วนเตารีดนั้นหากเราถอดปลั๊กก่อนใช้งานเสร็จ 3 นาที ทุกครัวเรือนครบ 1 ล้านเครื่อง จะช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ 4.5 ล้านบาท
อีกวิธีประหยัดพลังงานอย่างง่ายๆ และลดการสิ้นเปลืองพลังงานอย่างใช่เหตุ คือการถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่เพียงแค่ปิดไว้ในโหมด "สแตนด์บาย" (Stand by) ซึ่งเป็นโหมดที่ยังใช้พลังงานอยู่ โดยหากคนไทย 2 ล้านครัวเรือนปิดไฟโหมดสแตนด์บายจะช่วยชาติประหยัดค่าไฟลงได้ 9.4 ล้านบาท และหากพร้อมกันถอดปลั๊กไฟแทนการปิดเพียงโหมดสแตนด์บาย 5 ล้านครัวเรือน จะช่วยชาติประหยัดเงินได้ 23 ล้านบาท
ตรงจุดไหนของโลกที่ใช้พลังงานสะอาด?
จากข้อมูลจอแสดงผลแบบสัมผัสภายในนิทรรศการพลังงานนั้น เยอรมนีครองอันดับหนึ่งของประเทศที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์มากที่สุดในโลกคือ 30% ของโลก คิดเป็นพลังงาน 1,440 เมกะวัตต์ เทียบเท่าพลังงานจากเขื่อนภูมิพล (ซึ่งผลิตไฟฟ้าได้ 779.20 เมกะวัตต์) ได้ 1.85 เขื่อน และเยอรมนียังครองที่หนึ่งในการใช้พลังงานลมมากที่สุดในโลก 18,300 เมกะวัตต์ เป็นสัดส่วน 31.1% เทียบเท่าเขื่อนภูมิพล 23.49 เขื่อน ส่วนพลังงานน้ำนั้นประเทศจีนครองอันดับหนึ่งด้วยกำลังผลิต 9 ล้านล้านเมกะวัตต์ เป็นสัดส่วน 15% ของโลก เทียบเท่าพลังงานจากเขื่อนภูมิพล 11,550 เขื่อน
สำหรับประเทศไทยใช้พลังงานแสงอาทิตย์อยู่ในอันดับ 12 ของโลก โดยคิดเป็นสัดส่วน 0.06% ผลิตไฟฟ้าได้ 23.70 เมกะวัตต์ ขณะที่ใช้พลังงานชีวมวลอยู่ในอันดับ 6 ของโลก ด้วยสัดส่วน 4.4% ผลิตไฟฟ้าได้ 26,378 เมกะวัตต์ เทียบเท่าเขื่อนภูมิพล 36 เขื่อน ซึ่งพลังงานชีวมวลนี้มีบราซิลรั้งอันดับหนึ่ง โดยใช้เป็นสัดส่วน 27.3% ของโลก ผลิตไฟฟ้าได้ 161,079 เมกะวัตต์ เทียบเท่าเขื่อนภูมิพล 207 เขื่อน