บางคนเข้าใจว่า ใครที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ป่วยแล้วหาย จะเป็นเพียงครั้งเดียวและจะไม่กลับไปเป็นอีก แต่หลายคนก็อดสงสัยว่า ใช่แน่หรือ เพราะนี่คือโรคไข้หวัดใหญ่ ไม่ใช่หัดหรืออีสุกอีใส อันเป็นที่รู้กันมานานแล้วว่าหากใครเป็นโรคนี้แล้วก็จะไม่กลับไปเป็นอีก
ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ ก็สงสัยในเรื่องนี้เช่นกัน จึงได้สอบถาม ศ.นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และนายกสมาคมไวรัสวิทยา (ประเทศไทย) โดย นพ.ประเสริฐได้เปิดเผยว่า คนที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 แล้วหาย จะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคนี้และจะไม่ป่วยด้วยเชื้อไวรัสตัวเดิมอีก
"ผู้ที่ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ 2009 ในปีนี้แล้วหาย จะไม่เป็นอีก เพราะร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อตัวนี้แล้ว เพราะฉะนั้นคนนั้นจะไม่ป่วยอีก หากได้รับเชื้อไวรัสที่มีหน้าตาเหมือนเดิม แต่หากในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้เกิดการกลายพันธุ์ และทำให้ภูมิคุ้มกันจดจำไม่ได้ ก็มีสิทธิ์จะติดเชื้อและป่วยได้อีกเหมือนกัน" ศ.นพ.ประเสริฐ อธิบาย
เช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ที่หากใครเป็นแล้วจะไม่เป็นอีก เพราะร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่ทำให้ป่วย แต่เชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลมีหลายสายพันธุ์ และมีการปรับเปลี่ยนกลายพันธุ์อยู่เรื่อยๆ ในแต่ละปี จึงทำให้คนเรามีโอกาสป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ได้อีก หากได้รับเชื้อที่ร่างกายยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ซึ่งแตกต่างกับโรคหัด และโรคอีสุกอีใส ที่เป็นครั้งเดียวและจะไม่เป็นอีก
ศ.นพ.ประเสริฐ อธิบายเรื่องนี้ว่า เนื่องจากเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคหัดและโรคอีสุกอีใส ยังคงเป็นเชื้อตัวเดิมที่ไม่มีการกลายพันธุ์ ดังนั้นหากใครที่เคยเป็นโรคหัดหรือโรคอีสุกอีใสแล้ว ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่อโรคดังกล่าว ทำให้เป็นเพียงครั้งเดียวและไม่กลับไปเป็นซ้ำอีก
นายกสมาคมไวรัสวิทยากล่าวอีกว่า การที่ประชาชนมีภูมิคุ้มกันต่อโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จะช่วยให้การระบาดสงบลงได้ เพราะเชื้อไม่สามารถแพร่กระจายไปได้มากอีกแล้ว ซึ่งมีการประมาณกันไว้ว่าหากประชาชนมีภูมิคุ้มกันราว 30-50% จะช่วยให้การระบาดของโลกดังกล่าวค่อยๆ ลดลงได้
อย่างไรก็ตาม ศ.นพ.ประเสริฐ ระบุว่าการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ในขณะนี้ อาจมีผู้ติดเชื้อมากกว่าการระบาดของไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล แต่ยังไม่ถือว่ารุนแรงมาก เพราะอัตราการเสียชีวิตไม่แตกต่างจากโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ฉะนั้นผู้ที่ร่างกายไม่แข็งแรงและมีความเสี่ยงต่อโรคนี้อย่างมาก ควรเฝ้าระวังไม่ให้ได้รับเชื้อ แต่สำหรับคนที่ร่างกายแข็งแรง เมื่อติดเชื้อแล้วก็จะหายป่วยได้เอง จึงไม่ต้องกังวลมาก
พร้อมทั้งไม่แนะนำให้ใช้ยาต้านไวรัสในผู้ป่วยที่มีอาการเพียงเล็กน้อย เพราะอาจทำให้เชื้อดื้อยาและกลายพันธุ์ได้เร็ว ซึ่งจะทำให้ยาต้านไวรัสที่มีอยู่ไม่เพียงพอ ควรใช้เฉพาะในรายที่จำเป็นเท่านั้น และต่อไปเมื่อประชาชนมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ก็จะไม่ต่างไปจากโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล.