ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช. - นักวิชาการพบ “โรคอัมพาตในคนอายุน้อย” ถี่ขึ้น!! เหตุวัยรุ่นสูบบุหรี่จัด เตือนอาการ “ชา อ่อนแรงครึ่งซีก-พูดไม่ชัด-ปากเบี้ยว” เสี่ยงเป็นอัมพาตสูง ย้ำ! อย่าวางใจให้รีบพบแพทย์ภายใน 180 นาที มีโอกาสหาย ขณะที่ 1 ใน 3 ของผู้ป่วย ที่ไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่อง เสี่ยงเป็นซ้ำภายใน 1 เดือน
รศ.นพ. สมศักดิ์ เทียมเก่า สาขาวิชาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมอง หรือ โรคอัมพาต อัมพฤกษ์ จัดเป็นมหันตภัยร้ายที่กำลังค่อยๆ คุกคามประชากรทั่วโลกอย่างเงียบๆ โดยหากดูจากสถิติจะเห็นได้ชัดว่ามีจำนวนตัวเลขผู้ป่วยที่เพิ่มสูงมากขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2541 พบผู้ป่วยกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 1,241 รายต่อประชาการแสนคน ปี พ.ศ. 2547 พบผู้ป่วยในกลุ่มอายุ 45 ปีขึ้นไป มีตัวเลขสูงถึง 2,460 ราย ต่อประชากรแสนคน
ไม่เพียงตัวเลขผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น แต่ประเด็นสำคัญคือพบผู้ป่วยที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งล่าสุดพบผู้ที่มีอายุ 25 ปี ก็สามารถเป็นอัมพาตอัมพฤกษ์ได้แล้ว อีกทั้งยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยสาเหตุหลักคือการสูบบุหรี่
“โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาด แต่หากได้รับการรักษาที่ทันเวลา จะช่วยลดอัตราการพิการและการตายได้สูง ซึ่งกลุ่มอาการเสี่ยงที่พบ คือ แขนขาอ่อนแรง ชาครึ่งซีก พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว หลับตาไม่สนิท จำไม่ได้ทันที เดินเซ ทรงตัวไม่ได้ และกลืนอาหารแล้วสำลัก โดยลักษณะของอาการมักจะเป็นขึ้นมาทันทีทันใด หรือเป็นหลังการตื่นนอน ทั้งนี้หากมีอาการดังกล่าวให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นอัมพาตและควรรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เนื่องจากอาการดังกล่าวเกิดขึ้นจากก้อนเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดสมองตีบ หากผู้ป่วยได้รับยาสลายลิ่มเลือดได้เร็วเท่าใด อัตราการขาดเลือดของสมองจะน้อยลง ทำให้บริเวณของสมองที่ตายน้อยลง และมีโอกาสฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้สูง เพราะสมองส่วนที่กำลังขาดเลือดมาเลี้ยง เลือดจะกลับมาเลี้ยงดีขึ้น” รศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าว
รศ.นพ. สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทำให้มีผู้ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตได้มาก คือความชะล่าใจ เพราะอาการเช่น ชาครึ่งซีก พูดไม่ชัด มักจะเป็นขึ้นมาฉับพลันแล้วหายไป ทำให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าเป็นความผิดปกติชั่วคราวซึ่งจะหายไปเอง จึงไม่รีบพบแพทย์ หรือกรณีผู้สูงอายุ มักจะรอให้ลูกกลับมารับไปพบแพทย์ ทำให้มาถึงโรงพยาบาลล่าช้า ไม่ทันการ ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะพิการหรือเสียชีวิตได้สูง
ฉะนั้นทางที่ดีเมื่อพบว่ามีอาการผิดปกติที่สงสัยว่าจะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ให้รีบไปพบแพทย์ หรือโทรเรียกหน่วยแพทย์กู้ชีวิต สำนักการแพทย์ (สนพ.) สายด่วน 1169 ทันที
นอกจากนี้โรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคที่ต้องมีการเฝ้าระวังและรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะโอกาสที่จะเป็นซ้ำมีสูงมาก โดยสถิติที่ผ่านมาพบว่า 1 ใน 3 ของผู้ป่วยที่เป็นแล้วหายดี มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ภายใน 1 เดือน ดังนั้นการตรวจเช็คสุขภาพเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญที่สุด
อย่างไรก็ดี โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด ผู้ป่วยต้องทนทุกข์ ทรมานและได้ผลกระทบทางจิตใจมาก ดังนั้นการให้กำลังใจถือเป็นสิ่งสำคัญมาก
ทั้งนี้สำหรับคำแนะนำดีๆที่จะช่วยป้องกันตนเองจากโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต คือ สามต้อง สี่ไม่ คือ ต้องตรวจสุขภาพทุกปี ต้องออกกำลังกาย ต้องรักษาโรคเบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ไม่เครียด ไม่อ้วน ส่วนผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง แนะนำว่า ให้หากิจกรรมที่ให้ผู้สูงอายุได้ฝึกคิด เช่น การเล่นเกมง่ายๆ การร้องเพลง ก็จะช่วยผู้สูงอายุได้ผ่อนคลาย ฝึกพัฒนาสมอง ทำให้ไม่เครียด ชะลอการเสื่อมของสมอง ขณะเดียวกันยังช่วยบำบัดจิตใจและภาวะเครียดต่างๆให้คนรอบข้างด้วย รศ.นพ. สมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
รศ.นพ. สมศักดิ์ เทียมเก่า สาขาวิชาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมอง หรือ โรคอัมพาต อัมพฤกษ์ จัดเป็นมหันตภัยร้ายที่กำลังค่อยๆ คุกคามประชากรทั่วโลกอย่างเงียบๆ โดยหากดูจากสถิติจะเห็นได้ชัดว่ามีจำนวนตัวเลขผู้ป่วยที่เพิ่มสูงมากขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2541 พบผู้ป่วยกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 1,241 รายต่อประชาการแสนคน ปี พ.ศ. 2547 พบผู้ป่วยในกลุ่มอายุ 45 ปีขึ้นไป มีตัวเลขสูงถึง 2,460 ราย ต่อประชากรแสนคน
ไม่เพียงตัวเลขผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น แต่ประเด็นสำคัญคือพบผู้ป่วยที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งล่าสุดพบผู้ที่มีอายุ 25 ปี ก็สามารถเป็นอัมพาตอัมพฤกษ์ได้แล้ว อีกทั้งยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยสาเหตุหลักคือการสูบบุหรี่
“โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาด แต่หากได้รับการรักษาที่ทันเวลา จะช่วยลดอัตราการพิการและการตายได้สูง ซึ่งกลุ่มอาการเสี่ยงที่พบ คือ แขนขาอ่อนแรง ชาครึ่งซีก พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว หลับตาไม่สนิท จำไม่ได้ทันที เดินเซ ทรงตัวไม่ได้ และกลืนอาหารแล้วสำลัก โดยลักษณะของอาการมักจะเป็นขึ้นมาทันทีทันใด หรือเป็นหลังการตื่นนอน ทั้งนี้หากมีอาการดังกล่าวให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นอัมพาตและควรรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เนื่องจากอาการดังกล่าวเกิดขึ้นจากก้อนเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดสมองตีบ หากผู้ป่วยได้รับยาสลายลิ่มเลือดได้เร็วเท่าใด อัตราการขาดเลือดของสมองจะน้อยลง ทำให้บริเวณของสมองที่ตายน้อยลง และมีโอกาสฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้สูง เพราะสมองส่วนที่กำลังขาดเลือดมาเลี้ยง เลือดจะกลับมาเลี้ยงดีขึ้น” รศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าว
รศ.นพ. สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทำให้มีผู้ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตได้มาก คือความชะล่าใจ เพราะอาการเช่น ชาครึ่งซีก พูดไม่ชัด มักจะเป็นขึ้นมาฉับพลันแล้วหายไป ทำให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าเป็นความผิดปกติชั่วคราวซึ่งจะหายไปเอง จึงไม่รีบพบแพทย์ หรือกรณีผู้สูงอายุ มักจะรอให้ลูกกลับมารับไปพบแพทย์ ทำให้มาถึงโรงพยาบาลล่าช้า ไม่ทันการ ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะพิการหรือเสียชีวิตได้สูง
ฉะนั้นทางที่ดีเมื่อพบว่ามีอาการผิดปกติที่สงสัยว่าจะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ให้รีบไปพบแพทย์ หรือโทรเรียกหน่วยแพทย์กู้ชีวิต สำนักการแพทย์ (สนพ.) สายด่วน 1169 ทันที
นอกจากนี้โรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคที่ต้องมีการเฝ้าระวังและรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะโอกาสที่จะเป็นซ้ำมีสูงมาก โดยสถิติที่ผ่านมาพบว่า 1 ใน 3 ของผู้ป่วยที่เป็นแล้วหายดี มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ภายใน 1 เดือน ดังนั้นการตรวจเช็คสุขภาพเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญที่สุด
อย่างไรก็ดี โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด ผู้ป่วยต้องทนทุกข์ ทรมานและได้ผลกระทบทางจิตใจมาก ดังนั้นการให้กำลังใจถือเป็นสิ่งสำคัญมาก
ทั้งนี้สำหรับคำแนะนำดีๆที่จะช่วยป้องกันตนเองจากโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต คือ สามต้อง สี่ไม่ คือ ต้องตรวจสุขภาพทุกปี ต้องออกกำลังกาย ต้องรักษาโรคเบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ไม่เครียด ไม่อ้วน ส่วนผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง แนะนำว่า ให้หากิจกรรมที่ให้ผู้สูงอายุได้ฝึกคิด เช่น การเล่นเกมง่ายๆ การร้องเพลง ก็จะช่วยผู้สูงอายุได้ผ่อนคลาย ฝึกพัฒนาสมอง ทำให้ไม่เครียด ชะลอการเสื่อมของสมอง ขณะเดียวกันยังช่วยบำบัดจิตใจและภาวะเครียดต่างๆให้คนรอบข้างด้วย รศ.นพ. สมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย