สวทช.ร่วมทุนอังกฤษตั้งบริษัทผลิต "เซรามิกส์" เพื่องานชั้นสูง ด้วยมูลค่า 95 ล้าน เตรียมทำเลตั้งโรงงาน คาดกลางปีฤกษ์ได้เปิดตัว ตั้งเป้าสร้างรายได้ปีแรก 30 ล้านบาท
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ลงนามสัญญาร่วมทุนกับบริษัทเฮนสันอินเทอร์เนชันนัล (Henson International Limited) เพื่อจัดตั้ง บริษัทเอที เซรามิกส์ จำกัด บริษัทผลิตเซรามิกส์ชั้นสูง กลาสเซรามิกส์ อิเล็กโตรเซรามิกส์ และส่วนประกอบต่างๆ ของเซลล์เชื้อเพลิง โดยทีมข่าว "วิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์" ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์พิธีลงนาม ซึ่งจัดขึ้น ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อวัน 5 มี.ค.52
รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน ผอ.สวทช. กล่าวกับทีมข่าววิทยาศาสตร์และสื่อมวลชนว่า การร่วมลงทุนครั้งนี้ มีมูลค่าการลงทุน 95 ล้านบาท โดย สวทช.ร่วมลงทุน 50% ซึ่งจะได้ผลตอบแทนในสัดส่วน 49% ทั้งนี้มีความร่วมมือในการวิจัยกันมาเกือบ 10 ปี และการตั้งโรงงานผลิตเซรามิกส์ขั้นสูงนี้ จะนำเข้าเทคโนโลยีการผลิตของบริษัทแฮนสัน 100%
ด้าน ดร.ภาวดี อังค์วัฒนะ นักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ซึ่งเป็น 1 ในทีมวิจัย ที่จะร่วมทำงานในบริษัทเซรามิกส์แห่งใหม่ที่ สวทช.ร่วมลงทุนนี้ กล่าวกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ว่า เซรามิกส์ขั้นสูงเป็นเซรามิกส์ที่ทนความร้อนได้สูงมาก 1,600-2,000 องศาเซลเซียส แต่ปัจจุบันไทยมีความสามารถในการผลิตเซรามิกส์ได้ที่ระดับอุณหภูมิ 1,400 องศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งการร่วมทุนในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาให้ไทยมีความสามารถในการผลิตเซรามิกส์ขั้นสูงมากขึ้น
ทั้งนี้ ในประเทศมีการใช้งานเซรามิกส์ขั้นสูงอยู่ แต่ไม่มีการผลิตใช้เองในเมืองไทย ซึ่งเซรามิกส์ดังกลาวเป็นเซรามิกส์ที่แตกต่างจากเซรามิกส์ซึ่งพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน โดยอุตสาหกรรมที่ใช้เซรามิกส์ชนิดนี้ เช่น อุตสาหกรรมที่ใช้อุณหภูมิสูง อุตสาหกรรมผลิตเพชร-พลอย อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
สำหรับตลาดเซรามิกส์ขั้นสูงนั้น ดร.ภาวดีกล่าวว่า มีมูลค่าทั่วโลกรวมกว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีอัตราเติบโตต่อเนื่องปีละ 12% ซึ่งไทยมีการใช้งานแต่ต้องนำเข้าทั้งหมด เนื่องจากไทยไม่มีวัตถุดิบในการผลิตซึ่งเป็นออกไซด์ของเซรามิกส์ อาทิ อลูมินา เป็นต้น พร้อมกันนี้จะได้จดทะเบียนบริษัทในวันที่ 6 มี.ค.นี้ และกำลังอยู่ระหว่างหาทำเลที่ตั้งโรงงาน ซึ่งเล็งไว้หลายที่ ทั้งที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร แหลมฉบัง อมตะนคร เป็นต้น โดยจะเลือกโรงงานสำเร็จรูปที่สามารถย้ายเครื่องจักรเข้าไปติดตั้งได้เลย
"กลางปีนี้น่าจะได้เห็นโรงงานแล้วเสร็จ และจะได้เริ่มดำเนินงานในเดือน ต.ค.นี้ โดยปีแรกตั้งเป้าว่าจะทำรายได้ประมาณ 31 ล้านบาท และภายใน 5 ปีนี้ตั้งเป้าทำรายได้ให้ถึงปีละ 400 ล้านบาท โดยตลาดเป็นตลาดเดิมของบริษัทเฮนสันที่มีอยู่ทั่วโลก" ดร.ภาวดีกล่าว