"จาค ปิการ์" นักผจญภัยและนักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 20 ผู้เปิดตำนานการเดินทางสู่ก้นเหวมหาสมุทรที่ลึกที่สุดในโลก ลาโลกแล้วอย่างสงบด้วยวัย 86 ปี ที่บ้านพักในสวิส ทิ้งไว้แต่ผลงานการสำรวจได้ทะเลลึกไว้เป็นอนุสรณ์
เอพีและเอเอฟพีต่างรายงานการเสียชีวิตของ จาค ปิการ์ (Jacques Piccard) นักวิทยาศาสตร์ผู้หลงใหลการสำรวจโลกใต้ทะเล และเคยดำดิ่งลงไปถึงก้นมหาสมุทรที่ลึกที่สุดในโลก ได้เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบด้วยวัย 86 ปี เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา ในบ้านพักของเขา ใกล้กับทะเลสาบเจนีวา (Lake Geneva) กรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์
ปิการ์ เกิดในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อปี 2465 ครอบครัวของเขามีสายเลือดนักผจญภัยอย่างเข้มข้น เพราะบิดาของเขา ออกุสเต ปิการ์ (Auguste Piccard) ก็เป็นนักผจญภัยที่มีชื่อเสียง โดยเป็นบุคคลแรกที่เดินทางด้วยบอลลูนขึ้นไปจนถึงบรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์ (stratosphere) ส่วนลูกชายของเขาแบร์ทรองด์ ปิการ์ (Bertrand Piccard) ก็เป็นบุคคลแรกที่ประสบความสำเร็จในการเดินทางรอบโลกด้วยบอลลูนโดยไม่มีการหยุดพักเมื่อเดือน เม.ย. 2542
ปิการ์สำเร็จการศึกษาในสวิตเซอร์แลนด์ และเคยเป็นอาจารย์มหาวิทยา โดยสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ แต่เขาก็หันหลังให้กับอาชีพนี้เพื่อมาช่วยพ่อของเขาสร้างเรือดำน้ำ
กระทั่งวันที่ 23 ม.ค. 2503 ปิการ์นำคณะนักสำรวจดำดิ่งลงไปถึงก้นเหวของร่องมหาสมุทรมาเรียนา (Mariana Trench) ในมหาสมุทรแปซิฟิกด้วยเรื่องเรือดำน้ำที่เขาและพ่อช่วยกันประดิษฐ์ขึ้น ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีความลึกถึง 10,916 เมตร และเป็นส่วนที่ลึกที่สุดของใต้มหาสมุทร พร้อมทั้งได้ค้นพบสิ่งมีชีวิตหลากหลายในบริเวณนั้น ซึ่งการค้นพบของเขาในครั้งนั้นนำไปสู่การต่อต้านการทิ้งขยะกัมมันตรังสีลงสู่ก้นมหาสมุทรในเวลาต่อมา
หลังจากการเดินทางสำรวจโลกใต้ทะเลครั้งนั้น ปิการ์ก็มุ่งมั่นศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับทะเลลึก และทำงานให้กับองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) และนอกจากนั้นปิการ์ยังได้สร้างเรือดำน้ำอีก 4 ลำ รวมถึงเรือดำน้ำท่องเที่ยวลำแรกด้วย
ทั้งนี้ เอพีและเอเอฟพีระบุว่าในปี 2507 ปิการ์ได้เรือดำนำท่องเที่ยวลำแรกที่เขาสร้างขึ้นมาจัดแสดงในงานแสดงนิทรรศการแห่งชาติของสวิสเซอร์แลนด์ (Swiss National Exhibition) พร้อมนำผู้โดยสาร 33,000 คน เดินทางท่องใต้ทะเลสาบเจนีวาที่ระดับความลึก 60 เมตร โดยเรือดำน้ำท่องเที่ยวลำดังกล่าว
ส่วนปิการ์นั้นก็ทำงานด้านการสำรวจใต้ทะเลลึกอย่างต่อเนื่องจนถึงอายุ 82 ปี จึงเกษียณตัวเอง กระทั่งเสียชีวิตลงในวัย 86 ปีดังกล่าว
"การจากไปของพ่อ ทำให้ผมรับรู้ได้ถึงปรากฏการณ์แปลกใหม่ นั่นคือการไม่เชื่อในกฏเกณฑ์และข้อสมมติฐานโดยทั่วไป แต่เชื่อในความสมัครใจและความมั่นใจในการเผชิญหน้ากับสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน" คำกล่าวของปิการ์ผู้ลูก
อย่างไรก็ดี เมื่อปี 2549 หนึ่งในทีมงานผู้จัดการวิทยาศาสตร์ ได้มีโอกาสเดินทางเพื่อ “ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทในหลวง ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์” ในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยระหว่างการเดินทางครั้งนั้น คณะส่วนหนึ่งได้มีโอกาสพบเข้ากับ "จาค ปิการ์" โดยบังเอิญ ซึ่งปิการ์ผู้นี้เป็นพระสหายรุ่นพี่ของในหลวง ที่คณะวิทยาศาสตร์ ม.โลซานน์
"ปิการ์" พระสหายวัย 84 ปี ในยามนั้น เมื่อทราบว่าทีมงานเดินทางมาชื่นชมพระบารมีของในหลวง ก็มีความยินดีให้ถ่ายภาพ ทว่าเขาเพิ่งผ่านการผ่าตัดลำคอมาจึงสนทนาได้ไม่มากนัก แต่ก็ได้ฝากความระลึกถึงไปยังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "เรามีความระลึกถึงพระองค์อย่างมาก" นับเป็นถ้อยคำจากพระสหายร่วมคณะ และนักสำรวจคนสำคัญแห่งศตวรรษฝากไว้ ให้ทีมงานได้นึกถึงชายผู้นี้ต่อไป
อ่านเพิ่มเติม...ท่อง “โลซานน์” ตามรอยพระบาท “พ่อหลวง”