ปีหน้าวาติกันเตรียมจัดงานประชุมใหญ่ ในโอกาส 150 ปี หนังสือ "กำเนิดสปีชีส์" ของดาร์วิน ระดมนักวิทย์และปราชญ์ด้านศาสนา มาถกกันเรื่องวิวัฒนาการ อาร์คบิชอพ ระบุคาธอลิกไม่เคยดูหมิ่น หรือแม้แต่ต่อต้านหนังสือของ "ดาร์วิน" พร้อมยอมรับวิวัฒนาการ ไม่ขัดกับหลักคำสอนในไบเบิล
รายงานข่าวจากดิเอิร์ธไทม์ระบุว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 51 ที่ผ่านมา อาร์คบิชอพ จิอันฟรังโก ราวาซี (Archbishop Gianfranco Ravasi) รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม รัฐวาติกัน ได้ออกมาในวาระครบรอบ 150 ปี การพิมพ์หนังสือ "กำเนิดสปีชีส์" (The Origin of Species) ของชาร์ล ดาร์วิน (Charls Darwin) นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษผู้โด่งดังเจ้าของทฤษฎีวิวัฒนาการ (theory of evolution) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 มี.ค.52 ที่กรุงโรม
การจัดงานดังกล่าว ก็เพื่อเปิดโอกาสให้นักวิทยาศาสตร์ นักปรัชญา และนักศาสนา จากสถาบันต่างๆ ทั่วโลก ได้มาประชุมและแสดงความคิดเห็นร่วมกัน ในหัวข้อเรื่อง "วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต: ความจริงและทฤษฎี" (Biological Evolution: Facts and Theories) รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลา 150 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่หนังสือกำเนิดสปีชีส์แพร่ออกไปสู่สังคม
ก่อนหน้านี้ สาธุคุณมัลคอล์ม บราวน์ (Rev. Malcolm Brown) ผู้นำแองกลิกัน (Anglican) หรือชาวอังกฤษที่นับถือคริสต์ นิกายเชิร์ช ออฟ อิงแลนด์ (Church of England) ได้ออกมากล่าวขอขมา ต่อดาร์วินในสิ่งที่เขาได้รับจากชาวแองกลิกันในอังกฤษ ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุด้วยว่า สาธุคุณบราวน์ ยังกล่าวว่าพวกเขาเป็นหนี้บุญคุณดาร์วินอีกด้วย
ในครั้งนั้นดาร์วิน และหนังสือของเขาถูกโจมตี และถูกต่อต้านจากฝ่ายคริสตจักรอย่างหนักหน่วง เพราะทฤษฎีของเขา ขัดกับหลักคำสอนในคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งเป็นกรณีเดียวกัน กับที่เคยเกิดขึ้นกับกาลิเลโอ กาลิเลอิ (Galileo Galilei) มาแล้วในช่วงศตวรรษที่ 17 เมื่อเขาค้นพบว่าโลกกลม และโคจรรอบดวงอาทิตย์ ไม่ได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลอย่างที่เข้าใจกัน
ต่อมาในภายหลังก็พิสูจน์ได้ว่า เป็นจริงดังที่กาลิเลโอว่าไว้ กระทั่งในปี 2535 พระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 (Pope John Paul II ) ก็ได้ออกมาแสดงความเสียใจ ต่อสิ่งที่ชาวคาธอลิกในสมัยนั้น ได้กระทำต่อกาลิเลโอ
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีของดาร์วิน อาร์คบิชอพ กล่าวว่า ชาวคาธอลิกคงไม่ต้องขอขมาต่อดาร์วิน ในเรื่องที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เพราะว่าชาวโรมันคาธอลิก ไม่เคยกล่าวโทษหรือดูหมิ่นดาร์วินแต่อย่างใด และไม่เคยต่อต้านหนังสือของเขาด้วย
แต่จะเป็นชาวโปรเตสแตนต์เสียส่วนใหญ่ ที่กระทำเช่นนั้น ทั้งนี้ ความเชื่อที่ว่าพระเจ้าสร้างโลกภายใน 6 วัน (Creationism) ได้ถูกบันทึกไว้ในไบเบิลเล่มปฐมกาล (Genesis) ที่กล่าวถึงการสร้างโลกของพระเจ้า ซี่งชาวคาธอลิกไม่ได้ศึกษาในเรื่องนั้น
รอยเตอร์รายงานอีกว่า ชาวคาธอลิกได้สอนในเรื่องวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นโดยพระเจ้า (theistic evolution) ซึ่งเป็นการยอมรับว่า วิวัฒนาการเป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ และก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่พระเจ้าจะไม่ใช้กระบวนการวิวัฒนาการของธรรมชาติ ในการสร้างเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ขึ้นมา
ส่วนกลุ่มคนที่มีแนวคิดว่า พระเจ้าไม่มีอยู่จริง ก็เอาเรื่องวิวัฒนาการมาอ้างเพื่อปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า หรือการสรรค์สร้างจากพระเจ้า รวมไปถึงการพยายามใช้เจเนซิส เป็นเพียงตำราเล่มหนึ่งเท่านั้น
อาร์คบิชอพกล่าวว่า ทฤษฎีวิวัฒนาการสามารถไปด้วยกันกับหลักคำสอนของชาวคาธอลิกและไบเบิลได้ โดยที่เรื่อง "พระเจ้าสร้าง" นั้นเป็นสิ่งที่อยู่ในขอบเขตของศาสนาอย่างเคร่งครัด ไม่อาจนำไปใช้เป็นแนวความคิดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ได้
ทั้งนี้ เมื่อปี 2493 พระสันตปาปาปิอุสที่ 12 (Pope Pius XII) เคยกล่าวไว้ว่า ทฤษฎีวิวัฒนาการ เป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่ใกล้เคียงกับพัฒนาการของมนุษย์อย่างยิ่ง ซึ่งพระสันตปาปาจอห์น ปอล ก็กล่าวในทำนองเดียวกันนี้เมื่อปี 2535
"วิทยาศาสตร์สามารถชำระล้างความเชื่อในทางศาสนาได้ แต่ศาสนาไม่ใช่สิ่งที่สามารถชำระข้อผิดพลาดของวิทยาศาสตร์ได้" อาร์คบิชอพยกคำกล่าวของพระสันตปาปามาอ้างอีกทีหนึ่ง