ประวัติศาสตร์ฆาตกรรมของอังกฤษได้บันทึกว่า ในระหว่างวันที่ 31 สิงหาคมถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2431 (รัชสมัยสมเด็จพระปิยมหาราช) ชาวลอนดอนในประเทศอังกฤษได้ตกอยู่ในภาวะกลัวถูกฆ่าอย่างสยดสยอง เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น บนถนนในย่าน East End ในยามดึก โสเภณี 5 คน ถูกฆาตกรรมอย่างทารุณ คือ ศพถูกปาดคอ ร่างกายถูกชำแหละ และอวัยวะภายในถูกคว้านออก ฯลฯ แล้วเหตุการณ์สยองขวัญนั้นก็หยุดอย่างไม่มีใครรู้สาเหตุ และนับตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าฆาตกรคือใคร ความลึกลับนี้จึงทำให้ฆาตกรคนนี้มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ของการฆาตกรรม
ย้อนอดีตไปเมื่อ 120 ปีก่อน ถนน White Chapel ในย่าน East End ของ London เป็นถิ่นอาศัยแออัดของคนยากจนที่มีอาชีพรับจ้างเป็นกรรมกร และหลายคนว่างงาน เพราะบริเวณนี้อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือนัก ดังนั้น จึงมีกะลาสีเรือและชาวประมงมาเยี่ยมเยือนตลอดเวลา มีผลให้แถบนี้มีโสเภณีมาทำมาหากินมาก ซึ่งมีทั้งหญิงว่างงานและหญิงที่มีครอบครัวแล้ว แต่ต้องการหารายได้เสริมรวมถึงหญิงที่ติดยาและเป็นกามโรคด้วย รายงานตำรวจในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2431 ระบุว่า White Chapel มีโสเภณี 1,200 คน และซ่อง 62 แห่ง และในเวลากลางคืนจะมีแสงเทียนลอดทะลุผ่านหน้าต่างออกมาให้เห็นสภาพภายในของสถานบริการ และโสเภณีเหล่านี้คือเหยื่อที่ Jack the Ripper เลือกฆ่า
โดยเหยื่อคนแรกชื่อ May Ann Nichols (ชื่ออาชีพ Polly) ที่มีอายุค่อนข้างมาก คือ 42 ปี ซึ่งไม่น่าจะมีชายใดสนใจแล้ว แต่เมื่อเธอต้องการเงิน 4 เพนนีไปเป็นค่าเช่าห้อง เธอจึงต้องออกทำงาน ในคืนวันเกิดเหตุที่ 31 สิงหาคม พ.ศ.2431 ขณะ Polly เดินอ่อยเหยื่อที่ถนน Buck's Row มีคนเห็นชายร่างเล็กคนหนึ่งเดินทางเข้าไปหาเธอ และชวนเธอไปค้าง ซึ่งเธอก็ไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย แต่ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น มีคนพบศพของเธอถูกแทงด้วยมีด เป็นแผลเหวอะหวะ และที่คอมีรอยมีดปาดลึกจนเลือดนอง ถนนบริเวณที่เธอตายอยู่ตรงมุมถนน ซึ่งตามปกติในเวลากลางคืนจะมืดมาก เหตุการณ์สังหารโหดนี้ได้ทำให้ชาวบ้านแถบนั้นประหวั่นพรั่นพรึงมาก
จากนั้นอีก 7 วัน คือในวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2431 Annie Chapman ซึ่งกำลังป่วยเป็นวัณโรคก็ตกเป็นเหยื่อรายที่สอง มีคนพบศพของเธอถูกชำแหละโดยมดลูกถูกคว้านออก และคอถูกมีดปาดลึก ศพของเธอถูกพบโดยคนขายของที่ตลาด Spital Fields ในบ้านเลขที่ 29 ถนน Hanbury และที่เท้าของศพมีแหวน กับเหรียญ 3 อัน ศพมีรอยถูกแทงยับ
เมื่อมีการฆาตกรรมชำแหละศพที่ทารุณเช่นนี้ ชาวบ้านในย่าน White Chapel จึงรู้สึกหวั่นกลัวมาก ทำให้ไม่กล้าเดินออกนอกบ้านในเวลากลางคืน สำหรับคนที่เห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมนี้ ก็ได้อ้างว่า ฆาตกรถือกระเป๋าดำที่มีมีดซ่อนอยู่ภายใน การอ้างลอยๆ นี้ได้ทำให้คนที่ถือกระเป๋าดำในลอนดอน ณ ช่วงเวลานั้นถูกประชาชนไล่จับ แต่ก็จับผิดตัวทุกครั้งไป เหตุการณ์สยองขวัญนี้ได้ผลักดันให้ประชาชนจัดตั้งสมาคมสังเกตการณ์เดินตรวจตามถนนหนทางในเวลากลางคืนทุกคืน และถึงแม้ตำรวจก็ยังจับฆาตกรไม่ได้ แต่การชันสูตรศพก็พอบอกตำรวจได้ว่า ฆาตกรเป็นคนถนัดซ้าย และมีความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์ดี สไตล์การชำแหละศพก็แสดงให้เห็นว่า ฆาตกรมีฝีมือด้านศัลยศาสตร์ในระดับดี เหตุการณ์สังหารโหดนี้เป็นที่โจษจันกันมากในลอนดอน และเมื่อถึงวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2341 หนังสือพิมพ์ Central New Agency ก็ได้ตีพิมพ์ข้อความในโปสการ์ดที่บุรุษลึกลับคนหนึ่งส่งถึงนักข่าวของหนังสือพิมพ์นี้ซึ่งได้ลงท้ายว่า Yours truly, Jack the Ripper ฉายาของฆาตกรจึงเกิดขึ้นตั้งแต่นั้นมา
เมื่อถึงคืนวันที่ 30 กันยายน Jack the Ripper ก็ได้ออกล่าเหยื่อโสเภณีอีก 2 คน ในคืนเดียวกัน คือ Elizabeth Stride ซึ่งมีชื่อทำงานว่า Long Liz เธอมีวัย 45 ปี และอยู่บ้านเลขที่ 40 ถนน Bernet Street ศพของเธอถูกมีดปาดคอเช่นเคย ส่วนเหยื่อคนที่สองในคืนเดียวกันนั้นชื่อ Catherine Eddowes หรือ Kate วัย 46 ปี ศพของเธอถูกพบที่ Mitre Square ซึ่งอยู่ห่างจากศพแรกประมาณ 200 เมตร ศพอยู่ในสภาพที่น่ากลัวมาก เพราะตาถูกควัก จมูกถูกเฉือน คอถูกเชือด ท้องถูกกรีดและไตถูกคว้านออก ส่วนที่ใกล้ศพมีชอล์กเขียนว่า “The jews are not the men to be blamed for nothing” หลังจากที่พบศพ และเห็นตัวอักษรเขียนเช่นนั้น Sir Charles Warren ผู้บัญชาการตำรวจแห่งหน่วยสอบสวนกลางก็ได้สั่งให้ลบรอยเขียนนั้นทันที โดยไม่มีใครรู้เหตุผล แต่หลายคนสงสัยว่า คงเพื่อลดกระแสต่อต้านคนยิว ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกร (ยังมีต่อ)
สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.