xs
xsm
sm
md
lg

"ดร.แมคกูซิค" หนึ่งในผู้ตั้งโครงการจีโนมมนุษย์ลาโลกด้วยวัย 86

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพแมคกูซิคเมื่อ 23 เม.ย.51 ขณะรับรางวัลเจแปนไพรซ์ (Japan Prize) ทางด้านพันธุศาสตร์การแพทย์และพันธุศาสตร์ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
"ดร.แมคกูซิค" หนึ่งในผู้ก่อตั้งโครงการจีโนมมนุษย์ และศาสตราจารย์ทางด้านพันธุศาสตร์การแพทย์ชั้นนำของสหรัฐฯ ลาโลกในวัย 86 ปี ด้วยภาวะแทรกซ้อนจากโรคมะเร็ง

ดร.วิคเตอร์ เอ แมคกูซิค (Dr.Victor A. McKusick) ผู้มีบทบาทสำคัญในโครงการจีโนมมนุษย์ (Human Genome Project) และผู้ได้รับเหรียญรางวัลทางด้านวิทยาศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา เสียชีวิตลงแล้วในวัย 86 ปี ซึ่งตามรายงานของเอพีนั้น มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) ซึ่งเป็นสถาบันที่เขาทำงานอยู่เป็นที่สุดท้าย ได้ออกมาแถลงว่า ศาสตราจารย์ทางด้านพันธุศาสตร์ผู้นี้เสียชีวิตด้วยสาเหตุของโรคแทรกซ้อนจากมะเร็ งเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น

ดร.แมคกูซิค ผู้ค้นพบความเชื่อมโยงระหว่างพันธุกรรม และโรคภัยได้รับรางวัลสูงสุดทางด้านวิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯ (National Medal of Science) เมื่อปี 2544

"เราได้สูญเสียผู้ยิ่งใหญ่ เขาใช้เวลาทั้งหมด ทำงานอย่างสมถะ อยู่ที่มหาวิทยาลัยฮอปกินส์ แต่ผลงานของเขามีอิทธิพลและตกทอดไปทั่วโลก" เอ็ดวาร์ด ดี มิลเลอร์ (Edward D. Miller) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจอห์นฮอปกินส์กล่าว

ทั้งนี้ ดร.แมคกูซิคได้ก่อตั้งภาควิชาพันธุศาสตร์การแพทย์ ให้กับมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์เมื่อปี 2500 และในปี 2516 เขาได้เลื่อนเป็นประธานคณะแพทย์โรงพยาบาลจอห์นฮอปกินส์ และเขาก็ได้เป็นศาสตราจารย์ทางด้านพันธุศาสตร์การแพทย์ในปี 2528 และรับบทบาทนี้มาตลอดจนถึงปีที่ผ่านมา

เอพีรายงานว่าเมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่ม ดร.แมคกูซิควางแผนที่เข้าทำงานในกระทรวง แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจหลังจากเจ็บป่วย เนื่องจากติดเชื้อสเตปโตคอคคัสในรักแร้เมื่อปี 2480 จากนั้น เขาก็เข้าเป็นนักศึกษาแพทย์ที่จอห์นฮอปกินส์ในปี 2486 ตอนนั้นเขาฝึกเป็นแพทย์ด้านหัวใจ แต่การต้องเผชิญกับผู้ป่วยตัวสูง ที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เนื่องจากโรค "มาร์ฟานซินโดรม" (Marfan syndrome) ก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจในอาชีพ แล้วเลือกพันธุศาสตร์การแพทย์ช่วงไม่กี่ปีหลังมีการค้นพบดีเอ็นเอ

นักพันธุศาสตร์การแพทย์ผู้ล่วงลับ เคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะซัน (The Sun) ในบัลติมอร์เมื่อต้นปีนี้ว่า การตัดสินใจครั้งนั้นของเขา ได้รับการต่อว่าต่อขานจากเพื่อนร่วมงาน ซึ่งมองว่าเขาเหมือนตัดสินใจฆ่าตัวตาย เพราะเขาเป็นผู้มีความสามารถเกี่ยวกับเรื่องหัวใจ และกำลังจะได้ย้ายไปในส่วนที่มีความสำคัญและมีความพร้อมหลายๆ ด้าน

เมื่อปี 2509 ดร.แมคกูซิคได้เขียนหนังสือเล่มแรก เกี่ยวกับโรคซึ่งสืบทอดทางพันธุกรรม "มรดกจากเมนเดลของมนุษยชาติ" (Mendelian Inheritance of Man) ซึ่งพิมพ์ทั้งสิ้น 1,500 เล่ม และปัจจุบันจำนวนพิมพ์ได้เพิ่มขึ้นเป็น 20,000 เล่มแล้ว

ทั้งนี้เขาเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกๆ ที่เสนอให้ทำแผนที่จีโนมมนุษย์เมื่อปี 2512 และได้ช่วยสร้างโครงการจีโนมมนุษย์ด้วย เมื่อโครงการสำเร็จลงในปี 2544 เขาก็ยังได้ช่วยสร้างวารสารวิชาการ "จีโนมิกส์" (Genomics) ด้วย อีกทั้งเขาและเพื่อนร่วมงานได้จัดคอร์สเรียนทางด้านพันธุศาสตร์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ในทุกๆ หน้าร้อน ซึ่งมีนักศึกษา แพทย์และนักวิจัยเข้าร่วมมากกว่า 4,000 คน และนับเป็นคอร์สที่ได้รับการเชื่อถือที่สุดด้วย

โรคทางพันธุกรรม 2 โรคได้นำชื่อของเขาไปใช้คือ เมตาฟิซีลชอนโดรไดสพลาเซียชนิดแมคกูซิค (McKusick Type Metaphyseal Chondrodysplasia) ซึ่งเป็นภาวะแคระที่พบได้ในชาวอามิช (Amish) ของสหรัฐฯ และอีกโรคคือแมคกูซิค-คุฟแมนซินโดรม (McKusick-Kaufman syndrome) ซึ่งโรคเกี่ยวกับความผิดปกติด้านพัฒนาการที่เกิดเนื่องจากโรคหัวใจแต่กำเนิด และทำให้เกิดของเหลวขึ้นระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง และทำให้เกิดนิ้วมือ-นิ้วเท้าเกินออกมาด้วย.
กำลังโหลดความคิดเห็น