เอเอฟพี - ศรีลังกาจัดพิธีฝังศพ "อาร์เธอร์ ซี คลาร์ก" อย่างสมเกียรติ ชาวลังกาทั่วประเทศพร้อมใจสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับ "ความภูมิใจของศรีลังกา" และปรมาจารย์นิยายไซไฟแห่งยุคคนสุดท้าย
เมื่อวันที่ 22 มี.ค.51 ชาวศรีลังกาทั่วประเทศพร้อมใจกันสงบนิ่งในเวลา 15.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (17.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย) เป็นเวลา 1 นาที เพื่อร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายให้กับ "อาร์เธอร์ ซี คลาร์ก" (Arthur C. Clarke) นักเขียนนิยายไซไฟชื่อดังผู้ล่วงลับ ซึ่งมีพิธีฝังศพของเขาในเวลาเดียวกัน ณ สุสานสามัญแห่งกรุงโคลอมโบ (Colombo's General Cemetery) ประเทศศรีลังกา
ทั้งนี้ อาร์เธอร์ ซี คลาร์ก เสียชีวิตด้วยระบบหัวใจล้มเหลวที่โรงพยาบาลในกรุงโคลอมโบเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะมีอายุได้ 90 ปี โดยก่อนหน้าที่จะมีพิธี ศพของคลาร์กถูกเก็บไว้ที่บ้านของเขาในกรุงโคลอมโบ ซึ่งก็มีนักเรียน นักศึกษา นักการเมือง แฟนหนังสือ ตลอดจนประชาชนชาวศรีลังกา เดินทางกามาร่วมเคารพศพกันอย่างท่วมท้น ท่ามกลางเสียงเพลงบรรเลงแนวไซไฟ
เมื่อได้เวลาฝังศพ ครอบครัว ญาติมิตร และสหายสนิทของคลาร์กก็ได้เคลื่อนขบวนโลงศพของเขาไปยังสุสานสามัญแห่งกรุงโคลอมโบ โดยมีตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำขบวน ส่วนแฟนๆ และผู้ที่เคารพนับถือคลาร์กก็เดินตามขบวนอยู่ไม่ห่าง
"ท่านประสงค์ให้พวกเราเขียนข้อความลงบนโลงศพของท่านว่า "อาร์เธอร์ คลาร์กนอนอยู่ที่นี่ เขาไม่มีทางเติบโตได้อีกแล้ว แต่หาได้หยุดเจริญเติบโตต่อไปไม่" (Here lies Arthur Clarke. He never grew up, but didn't stop growing) และก็ฉลองให้กับเขาในวันนี้" เฮคเตอร์ เอคานาเยก (Hector Ekanayake) บุตรสาวของหุ้นส่วนทางธุรกิจของคลาร์กเผย
"เขายังรักศรีลังกาอยู่เสมอ ที่ที่มีอากาศอบอุ่น ผู้คนเป็นมิตร เขาไม่เคยนึกเสียใจเลยที่หนีหนาวจากอังกฤษมาอยู่ที่นี่กว่า 40 ฤดูหนาว" เฟรด คลาร์ก (Fred Clarke) น้องชายวัย 85 ของท่านเซอร์อาร์เธอร์เผย
แม้ว่าคลาร์กจะเคยสั่งเสียไว้ก่อนไปแล้วว่าให้จัดเฉพาะพิธีทางโลก ไม่ต้องมีพิธีกรรมใดๆ ทางศาสนา กระนั้นก็ยังมีพระสงฆ์และนักบวชนิกายคาธอลิกมาร่วมส่งคลาร์กเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน
เมื่อปี 2541 คลาร์กยังได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นอัศวิน (Knighthood) จากสมเด็จพระราชินีอังกฤษ มีบรรดาศักดิ์เป็นเซอร์อาร์เธอร์ และจากการที่เขามาปักหลักอยู่ในประเทศศรีลังกากว่าครึ่งชีวิตตั้งแต่ปี 2499 คลาร์กได้กลายเป็นที่รักและเคารพจากชาวศรีลังกาจนได้รับการยกย่องให้เป็น "ความภูมิใจของศรีลังกา" (Pride of Lanka).
