xs
xsm
sm
md
lg

Secret Sunshine + Atonement : โอกาสย่อมมีเป็นครั้งที่สอง

เผยแพร่:   โดย: ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี


หลังจากไปรับใช้ชาติด้วยการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของเกาหลีใต้อยู่ราวๆ 2 ปี ลีชางดอง กลับมาพร้อมผลงาน Secret Sunshine ซึ่งได้เข้าชิงสายประกวดในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีที่แล้ว และหนังก็คว้ารางวัลนำแสดงนำหญิง (จอนโดยอน) มาอย่างที่ไม่มีใครเห็นค้าน

จอนโดยอนรับบท ชินเอ หญิงหม้ายที่พาลูกชายตัวน้อยย้ายออกจากกรุงโซล มายังเมืองต่างจังหวัดเล็กๆ อย่างเมียร์ยัง (Miryang มีความหมายเดียวกับ Secret Sunshine) เธอให้เหตุผลในการเลือกลงหลักปักฐานที่นี่ว่า มันเป็นบ้านเกิดของสามีผู้ล่วงลับ แต่สาเหตุหนึ่งที่ถูกเคลือบแฝงอยู่ คือหญิงสาวกำลังจะล้างไพ่ชีวิตของตัวเอง และเริ่มต้นใหม่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก

แต่บททดสอบอันหนักหน่วงก็เข้ามาในชีวิตเธออีกครั้ง เมื่อลูกชายถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ และไม่กี่วันถัดมา เด็กน้อยถูกพบเป็นศพอยู่บริเวณริมแม่น้ำ ฆาตกรถูกจับได้ในเวลาไม่นานนัก ชายใจชั่วคนนั้นคือคุณครูของเด็กน้อยนั่นเอง

ลีชางดองตั้งคำถามธรรมดาๆ แต่ปราศจากคำตอบที่ชัดเจน เราจะกอบกู้ศรัทธาในชีวิตกลับคืนมาได้อย่างไร ในเมื่อเราสูญเสียตัวตนของเราไปแล้วมากกว่าครึ่ง ชินเอประสพชะตากรรมคล้ายๆ กับ จูลี (จูเลียต บินอช) ในหนังเรื่อง Three Colors: Blue ของ คริชตอฟ คิชลอฟสกี้ คือ เมื่อเสียคนที่ตนรักไป พวกเธอก็ตกอยู่ในเขาวงกตแห่งความโศกเศร้า หาทางออกไม่เจอ และดูเหมือนจะไม่ต้องการตะเกียกตะกายเพื่อชีวิตที่ดีกว่า

อย่างที่คาดเดากันได้ ชินเอแทบจะเสียศูนย์ไปเลยเมื่อรู้ข่าว เธอจมปลักอยู่กับความรู้สึกผิดและความโกรธเกรี้ยวที่หาทางระบายออกไม่ได้ จนกระทั่งได้เดินเข้าไปหาที่พึ่งทางใจในโบสถ์ ชินเอก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ชินเอรับพระเจ้าเข้ามาในจิตใจอย่างรวดเร็ว ปวารณาตัวเองเป็นคริสต์ศาสนิกชนที่ดี เธอตั้งใจจะไปให้อภัยฆาตกรชั่วคนนั้น แต่ทันทีที่ได้รับทราบว่าศัตรูของตนเองสงบนิ่ง และบอกกับเธอว่า พระเจ้าได้ให้อภัยเขาก่อนแล้ว ชีวิตของชินเอก็หกคะมำอีกครั้งหนึ่ง

ในความคิดของชินเอ พระเจ้ามีสิทธิอะไรมาให้อภัยชายชั่วคนนั้น เหตุใดบาปของเขาจึงถูกชะล้างไปอย่างง่ายๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากตัวเธอ หลังจากนั้นจึงเป็นการเอาคืนของชินเอโดยสมบูรณ์ เธอพยายามก่อกวนชาวคริสเตียนทุกรูปแบบที่จะนึกออก วางตัวเป็นปรปักษ์กับศาสนาอย่างเต็มที่

การมีอยู่ของ Supreme Being เป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ มันซับซ้อนเท่าๆ กับชะตากรรมและการมีอยู่ของมนุษย์เราเอง ชินเอได้รับความทุกข์ทรมานอย่างสาหัสกับคำถามเหล่านั้น และตั้งแต่เรื่องร้ายเกิดขึ้นจนกระทั่งหนังจบลง ลีชางดองก็แสดงให้เห็นว่าหญิงสาวยังไม่พบทางออกของตัวเอง ตรงกันข้าม ชีวิตของเธอยิ่งดำดิ่งลงไปในความมืดมิด

กล่าวอย่างถึงที่สุด ชีวิตของคนเราก็ไม่ถึงกับสิ้นหวังเสียทีเดียว แสงสว่างที่ซ่อนตัวอยู่เงียบๆ ตามชื่อเรื่องสามารถแทนค่าได้โดยตรงกับ จองชาน (ซองกังโฮ) ชายที่แอบรักชินเอมาตั้งแต่พบเธอครั้งแรก นอกเหนือจากจะช่วยเหลือชินเอตามศักยภาพที่ตนเองจะทำได้ เขายังคอยอยู่เป็นเพื่อนเธอจนถึงฉากสุดท้าย

และเชื่อแน่ว่าไม่ช้าก็เร็ว ชินเอคงจะได้ตระหนักว่า การย้ายมาอยู่ที่เมียร์ยัง - คงไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิดพลาดเสียทั้งหมดอย่างที่เธอเข้าใจ

Atonement เป็นผลงานชิ้นใหม่ของ โจ ไรต์ ผู้กำกับหนุ่มชาวอังกฤษ - ที่มีอนาคตสดใสบนเวทีออสการ์ หลังจากก่อนหน้านี้ไปคว้ารางวัลมาจากสถาบันน้อยใหญ่มาแล้วมากมาย

Atonement มีองค์ประกอบที่ออสการ์โปรดปรานอัดแน่นอยู่ มันเป็นเรื่องราวของความรัก การทรยศหักหลัง สงคราม และการไถ่ถอนความผิดบาป แก่นเรื่องที่ว่ามาทั้งหมด โจ ไรต์จับมันอยู่มือและตีอย่างแหลกละเอียด ในแบบเดียวกับที่เขาเคยทำกับนิยายของ เจน ออสเตน เรื่อง Pride and Prejudice

ส่วนที่ Atonement ดูคล้ายคลึงกับ Pride and Prejudice งานชิ้นก่อนของไรท์คือ การใช้เทคนิคการเล่าเรื่องอย่างแพรวพราวฉูดฉาด เรียกได้ว่า ไรต์แทบจะปฏิวัติหนังพีเรียดของอังกฤษแบบเมอร์ชานต์-ไอวอรี่ ให้กลายเป็นหนังที่คนทุกวัยดูได้แบบไม่ต้องอาศัยความอดทนมากนัก

กล่าวคือ เนื้อเรื่องจะสืบเท้าเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาสำคัญๆ ในหนังถูกเน้นย้ำด้วยงานภาพ การตัดต่อ และดนตรีประกอบอย่างครึกโครม นั่นทำให้หนังเรื่อง Atonement แทบไม่มีช่วงเวลาน่าเบื่อเลยแม้แต่นาทีเดียว และโดยที่ทั้งหมดนั้น ไม่ปรากฏส่วนไหนที่ออกนอกลู่นอกทาง หรือฟูมฟายเกินจำเป็น

ดัดแปลงจากนิยายของ เอียน แม็คอีวาน เล่าเรื่องราวโศกนาฏกรรมของ ไบรโอนี่ แทลลิส ที่ส่งผลกระทบตัวต่อเธอจนถึงชีวิตในบั้นปลาย เรื่องมีอยู่ว่า ในขณะที่ยังอายุ 13 ขวบ เธอกล่าวหาคนรักของพี่สาวว่าเป็นคนกระทำชำเราญาติห่างๆ ของเธอคนหนึ่ง ด้วยการทึกทักเอาเองผสมปนเปไปกับความผิดหวังที่ชายหนุ่มกลับมอบความรู้สึกดีๆ ให้พี่สาว แทนที่จะเป็นเธอ

ชีวิตของ ร็อบบี้ (เจมส์ แม็คอะวอย) ชายหนุ่มคนดังกล่าวหักเหไปนับตั้งแต่นั้น เขาถูกจำคุก และจำใจอาสาไปรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในขณะที่ เซซีเลีย แทลลิส (เคียร่า ไนต์ลีย์) พี่สาวของเธอ ก็อัปเปหิตนเองจากครอบครัว

ร็อบบี้กับเซซีเลียมาพบกันอีกครั้งหนึ่งใน 3 ปีให้หลัง แต่โชคชะตาก็ลากเส้นขนานมาไกลเกินกว่าที่ทั้งสองคนจะครองรักกันได้ โดยเฉพาะถ้าหากจะพิจารณาฉากรักอันดูดดื่มและร้อนแรงของทั้งคู่ มันยิ่งตอกย้ำให้ความล่มสลายของความรัก – เด่นชัดและเจ็บปวดมากกว่าเดิม

กล่าวถึงไบรโอนี่ เวลาผ่านไปทำให้ความรู้สึกผิดพอกพูนขึ้นในจิตใจ แต่สิ่งที่เธอทำได้ (และยอมทำ) คือการเขียนจดหมายขอโทษ ซึ่งเทียบกันไม่ได้เลยกับผลลัพธ์ของมัน

ตลอดทั้งเรื่อง โจ ไรต์นำเสนอมุมมองต่อชุดเหตุการณ์ล้อกันไปเรื่อยๆ เริ่มต้นด้วยสิ่งที่ไบรโอนี่คิด และตบท้ายด้วยเหตุการณ์นั้นๆ ในแบบที่มันเกิดขึ้นจริงๆ จนเราแทบจะเชื่อคำกล่าวหาของเซซีเลียที่มีต่อน้องสาวว่า “ไบรโอนี่เป็นคนช่างเพ้อฝัน เราไม่สามารถเชื่อคำพูดของเธอได้

หนังเปิดเรื่องด้วยฉากการแต่งบทละครของไบรโอนี่ ที่เด็กสาวตั้งใจจะแสดงต้อนรับการกลับมาของพี่ชาย เรื่องราวในบทละครเล่าถึงชีวิตรักของหญิงสาวชื่อ อาราเบลล่า ไบรโอนี่พูดสำทับให้ลูกพี่ลูกน้องของตน – ซึ่งต้องรับหน้าที่นักแสดงจำเป็นว่า “นี่เป็นเรื่องราวอันงดงามของความรัก แต่มันต้องเป็นความรักที่มีสติสัมปชัญญะ” - และแล้วเรื่องราวก็ยั่วล้อกันเอง เมื่อไบรโอนี่แทบไม่มีสิ่งที่ว่านั้นเลย

หนังปิดเรื่องด้วยชีวิตวัยชราของไบรโอนี่ (รับบทโดย วาเนสซ่า เรดเกรฟ) เธอกลายเป็นนักเขียนนิยายชื่อดังอย่างที่เคยมีแนวโน้มสมัยยังรุ่นๆ นิยายเรื่องสุดท้ายของเธอชื่อ Atonement และการชดเชยความผิดที่ตนได้ทำไว้แก่ร็อบบี้และเซซีเลีย - ก็ถูกถ่ายทอดลงในนิยายทั้งหมด

ถึงกระนั้นการไถ่บาปของไบรโอนี่ก็สายเกินไปเสียแล้ว เธอทำให้ความรักอันงดงามจบสิ้นลงเพราะความไม่ยั้งคิดของเธอเอง คำขอโทษนับล้านก็คงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้

เธอทำได้อย่างเดียวคือแสดงอุทาหรณ์สอนใจ แก่มนุษย์ผู้มักลุแก่โทสะและวางตนอยู่ในความประมาท

กำลังโหลดความคิดเห็น