∞ "หนูไซน์" กลับมาพบกับผู้อ่านอีกครั้ง ตามวันและเวลาเดิม โดยเฉพาะสัปดาห์นี้ที่ดูจะมีเรื่องมีราวมาให้คุยมากหน่อย ที่พูดกันมากๆ ก็เห็นจะเป็นเรื่องของบรรดารัฐมนตรีขี้เหร่ ∞
∞ ก่อนอื่นขอบ่นเล็กน้อย เพราะหลังๆ มานี้ น๊าน....นานที "หนูไซน์" จึงจะได้มีโอกาสไปเหยียบ "ไซน์ปาร์ก" ถึง จ.ปทุมธานี...ซ้ากที ทั้งนี้ก็ไม่ได้เป็นเพราะมีใจออกห่างจึงห่างเหินไปก็ปานนั้น แต่เพราะต้องใช้เวลาต้อนรับขับสู้กับท่านรัฐมนตรีใหม่อย่างสมเกียรติกันซะหน่อย ก็แหมเข้ามาไม่ทันไร ท่านวุฒิพงศ์ ฉายแสง น้องรัก "เสี่ยอ๋อย" ก็โดดเด่น โด่งดัง ดึ๋งดั๋งๆ ทั่วบ้านทั่วเมืองจนเปิดสำนักสร้าง "ความรู้จัก" (ไม่ใช่สร้างความตระหนัก---อย่างที่คุ้นหูกัน) ได้เลย...
...เพราะเข้ามา 2 สัปดาห์แรกก็เปลี่ยนกระทรวงเกรด "ซี" อย่าง วท.ให้ครองหน้าหนึ่งหัวสีได้ 2 ครั้ง 2 คราติดๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นฉายารัฐมนตรียูคาเอย หรือจะรัฐมนตรีปลาร้าเอย ฟังดูก็รื่นหูดีไม่หยอก โชว์จุดขายเฉพาะตัวได้อย่างรวดเร็วแจ่มชัด...มาสัปดาห์ที่ 3 ก็โวว่าจะจัดมหกรรมวิทย์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ก็ไม่รู้ต้องใช้สตางค์สักกี่มากน้อย เพราะแต่เดิมแค่สัปดาห์วิทย์เล็กๆ งานเดียวก็ปาเข้าไปปีละเกือบ 200 ล้านฯ อยู่แล้ว ∞
∞ ปกติเรา "หนูไซน์" คุ้นเคยกันดีว่า "รมต.กระทรวงวิทย์" ครองโผ "รอมอตอที่คนรู้จักน้อยที่สุด" แต่ไหงมารัฐบาลนี้เจ้ากระทรวงโยธีคนใหม่ สร้างตำแหน่งใหม่ในโผ นั่นคือ....รัฐมนตรี (นอก) ดวงใจ...จากผลสำรวจของชาวใต้ 14 จังหวัดได้มอบรางวัลให้อย่างท่วมท้นถึง 58.3% ไม่เชื่อก็ลองไปค้นหาดใหญ่โพลกลางเดือนมาเปิดดูซิ ...
...ที่ผลโผออกมาอย่างนี้ ใช่ว่า "ชาวใต้" เขาตาร้อนกับนโยบายที่ผุดมาเอาใจแต่คนอิสาน ทั้งยูคา-ปลาร้า เจาะกลุ่มชาวตะวันออกเฉียงเหนือเหน่งๆ ...ขนาด ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมต.เงากระทรวงวิทย์ฯ เองยังแอบเปรยๆ แบบเป็นห่วงเป็นใยว่า อดห่วงวิสัยทัศน์ของรัฐมนตรีท่านนี้ไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าจะพาวิทยาศาสตร์ของประเทศก้าวหน้าไปแค่ไหน สมกับนโยบายเลิศหรูที่แถลงไว้เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมาหรือเปล่า ...
...เพราะเท่าที่พลิกๆ ดูแนวนโยบายวิทย์ ตลอดจนนโยบายอื่นๆ คุณหญิงกัลยา ก็บอกว่า มันช่างล้อกับแผน 10 ของสภาพัฒน์ และโดยเฉพาะกับรัฐธรรมนูญฉบับ "ยี้" ของชาวพลังประชาชนซะเหลือเกิน แต่ลอกเค้ามาอย่างนี้ ก็นั่นสิเนาะ ไม่รู้ว่าเป็นการกลืนน้ำลายตัวเองหรือเปล่าน้า ∞
∞ ยิ่งทั่นนายกรัฐมนตรีที่เคารพ "สมัคร สุนทรเวช" ใส่เกียร์ห้าหนุนปลูกยูคา ให้กระทรวงวิทย์ศึกษาเทคโนโลยีผลิตไบโอดีเซลแบบไม่ปรึกษาใครไปแหมบๆ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีงวดล่าสุด ชาวพรรคฝ่ายค้านก็ยิ่งจะค้านเสียงหนักขึ้นแน่นอน เพราะยังไม่มีใครกล้าเอาหัวรับประกันว่าปลูกยูคาแล้วดีจริงสักราย จะเว้นก็แต่อาจารย์พิรัตน์ นาครินทร์ ที่ออกอาการ "ฉุนกึก" ท้าตีท้าต่อยเมื่อมีนักวิชาการ-สื่อถามถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ∞
∞ เถียงกันเรื่องปลูกยูคา "ดี-ไม่ดี" ยังไม่ทันเคลียร์ รมต.วิทย์ก็เตรียมบินไปดูเทคโนโลยีผลิตไบโอออยที่ญี่ปุ่น เตรียมจะซื้อมาทำกับยูคาอีกต่างหาก...เอ...ถ้าคิด "อย่างเป็นวิทยาศาสตร์" ตามที่ท่านว่าไว้วันแรกๆ ก็น่าจะต้องศึกษาผลดีผลเสียกันให้แน่ชัด ก่อนจะปักหลักทำอะไรลงไปมิใช่หรือเจ้าคะ ∞
∞ ส่วนอีกเรื่องก็ได้รับการกระซิบกระซาบจากคนใกล้ตัว "หนูไซน์" เลยถึงบางอ้อว่ามีขาประจำ "บุกทำเนียบ-ล้อมตึกเนชั่น" มาร่วมให้กำลังใจทั่นรัฐมนตรีถึงห้องทำงาน จะใครที่ไหน ก็ป้า "สอิง ไถวสินธุ์" คนดัง จนมีเสียงระแคะระคายว่าป้าแกรับจ้างมาร่วมม็อบหรือมาด้วยใจก็คงต้องหาทางสืบกันให้รู้ดำรู้แดง ∞
∞ แวบไปเรื่องอื่นซะไกล กลับมาที่เรื่องไซน์ปาร์กกันดีกว่า ก็ได้ยิน 2 หู ได้เห็น 2 ตามาแว้ว ถึงเหตุผลที่ "ไซน์ปาร์ก" ไม่ "สำมะเหร็จ" สักที ดร.เจนกฤษณ์ ผอ.ไซน์ปาร์กก็ร้องดังๆ ตอบกลับมาว่า เพราะเงินไม่มางานก็เสร็จไม่ได้นั่นประไร...
...เจ้าตัวชี้แจงเพิ่มว่า ก็อย่างที่รู้ๆ กันกับระบบงบประมาณประเทศไทยที่น้อยโครงการจะได้เงินอย่างที่ขอ "ไซน์ปาร์ก" จึงโตช้ากว่าวัย ที่ควรจะเสร็จตั้งแต่ปี 44 มาจนปีนี้ก็ยังไม่ไปไหน และไม่แน่ว่าอีก 3 ปีจะเสร็จอย่างท่าน ผอ.ว่าหรือเปล่า ตัวท่านเองก็แอบหยอกกลับ "หนูไซน์" อย่าให้ไซน์ปาร์กต้องเป็นหลุมดำวิทยาศาสตร์ไทยอีกเลย เอาเบาะๆ แค่ "ดาวแคระขาว" ก็พอแว้ว... ^^ ∞
∞ ขณะที่เรื่องจีเอ็มโอก็มีให้เม้าท์อยู่เรื่อยๆ อย่างกรณีฝ้ายบีทีที่ทั้งเกษตรกรและนักวิจัยต่างก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามีปลูกอยู่หลายพื้นที่ในประเทศทั้งที่ไม่ถูกกฎหมาย "หนูไซน์" ล่ะสงสัยจริงจริ้งว่าฝ้ายบีทีพวกนั้นมาจากไหนหรือว่าใครทำหลุดจากแปลงทดลอง แล้วทำไมยังปล่อยให้ลอยนวลอยู่ได้โดยไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปจัดการ ....
...พอเอ่ยถามความกระจ่างจาก "ดร.สุพัฒน์" นักวิจัยมะละกอจีเอ็มโอรั้วเกษตรฯ กำแพงแสน ก็อุปมาให้ฟังว่ากรณี "ฝ้ายบีที" เกลื่อนไร่ฝ้ายในประเทศไทยก็เหมือน "หวยใต้ดิน" นั่นแล... ที่ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่ก็ยังอยู่ได้ในสังคมเรื่อยมา...(ที่เหลือก็ไปคิดต่อเอาเองแล้วกันนะเจ้าคะ)...แหม! อาจารย์เปรียบเทียบได้ใจ "หนูไซน์" จริงๆ เลยเจ้าค่า ∞
∞ สุดท้ายก่อนจากไป ขอแอบหยิกด้วยรักสักเล็กน้อย เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สวทช. ขนขบวนนักข่าวกว่าสิบชีวิตไปเยี่ยมชมงานวิจัยไกลกันถึงเจียงใหม่ปู้น ประเดิมผลงานแรกด้วยน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ ที่เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นความร้อนด้วย "โซลาร์ คอลเลกเตอร์" (solar collector) ผลงานวิจัยของ "ศ.ดร.ทนงเกียรติ เกียรติศิริโรจน์" จาก มช. ที่คนทั่วไปมักเหมารวมว่าเป็น "โซลาร์ เซลล์" (solar cell)...
...แต่ก็เพราะวิญญาณนักวิจัยมีเต็มเปี่ยม เกรงผู้สื่อข่าวจะจำไปผิดๆ เจ้าตัวนักวิจัยเลยอธิบายให้นักข่าวเข้าใจเสียก่อนจะเริ่มเข้าเรื่อง และพอนักข่าวเรียกว่า "โซลาร์เซลล์" กันทีไร นักวิจัยเป็นต้องเบรกและอธิบายให้เข้าใจกันใหม่ทุกทีไป...อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย "หนูไซน์" ต้องซูฮกอาจารย์ในฐานะที่ทำหน้าที่นักวิจัยได้สมบทบาทเหลือเกินเจ้าค่า ∞
∞ สัปดาห์นี้ลากันไปก่อนล่ะเจ้าค่ะ ใครมีเรื่องอยาก "เม้าท์" ก็เว้ามาได้ที่ scigossip@gmail.com เช่นเคยค่ะ ∞
