xs
xsm
sm
md
lg

Vincent van Gogh : จิตรกรอัจฉริยะผู้อาภัพ (2)

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน


ขณะพักอยู่กับ Theo ผู้เป็นน้องชายที่นคร Paris van Gogh ต้องพึ่งพาน้องชายมากในเรื่องเงินทอง เพราะภาพต่างๆ ที่ van Gogh วาด ไม่ว่าจะเป็นภาพดอกไม้ ภาพนิ่ง หรือภาพทิวทัศน์ ก็ไม่มีใครซื้อ van Gogh จึงรู้สึกเครียดมาก ที่ไม่มีใครเข้าในผลงานที่แสดงออกซึ่งอารมณ์ทุกอารมณ์ของเขา

ในปี 2430 van Gogh ได้นำภาพวาดของตนออกแสดงที่ภัตตาคาร La Fourche และที่โรงละคร The'atre Libre และได้แสดงผลงานร่วมกับ Toulouse Lautrec ที่คาบาเรต์ Le Tambourin แม้คนเข้าชมจะมีนับพัน แต่ก็ไม่มีใครซื้อภาพของเขาเลย van Gogh จึงได้พยายามกำจัดความทุกข์ ความซึมเศร้า ด้วยการดื่มเหล้าหนักยิ่งขึ้น และเมื่ออาการซึมเศร้าทวีความรุนแรง van Gogh จึงลาน้องชายเพื่อเดินทางไป Arles ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้ Provence ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2431 เพราะอากาศที่นั่นอบอุ่น และค่าครองชีพถูก อีกทั้งอยู่ห่างไกลจากคนที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์งานของเขาในแง่ลบ

ขณะอยู่ที่ Arles van Gogh ได้เช่าห้องราคาถูกอยู่ และกินอาหารแต่เพียงน้อยนิด เพราะไม่ค่อยมีเงิน ภายในห้องจึงมีแต่สิ่งที่จำเป็น เช่น เตียง เก้าอี้ และโต๊ะทำงานเท่านั้น ผลงานที่สำคัญในช่วงนี้ คือ ภาพ The Postman Roulin, House of Arles และ Bedroom at Arles กับภาพดอกทานตะวันที่มีสีสดใส เพราะถูกแสงแดดสาดส่อง และเส้นวาดในภาพเหล่านี้มีพลังเพราะแสดงอารมณ์และความรู้สึกมาก ดังเช่นภาพ Night Cafe ที่ van Gogh ปรารภว่าเป็นสถานที่มั่วสุมของคนที่ชอบทำลายตนเอง หรือไม่ก็เป็นที่พบปะของคนบ้า

ถึงจะอยู่ไกลจากกรุง Paris แต่ van Gogh ก็ยังติดต่อกับ Theo, Gauguin และ Bernard เป็นประจำ และเมื่อความเหงาได้กลับมาเยือนอีก ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2432 van Gogh จึงได้ตัดสินใจเชิญ Paul Gauguin มาเยี่ยมและทำงานร่วมกันที่ Provence เป็นเวลานาน 2 เดือน ทั้งนี้ เพราะ Gauguin เองก็ยากจน ดังนั้น จึงไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ ในการมาอยู่ร่วมในห้องเช่าที่คับแคบ แต่ Gauguin มีแนวคิดด้านศิลปะไม่เหมือน van Gogh เพราะ van Gogh ให้ความสำคัญของภาพรวม แต่ Gauguin ให้น้ำหนัก หรือความสำคัญในบางสิ่งบางอย่างเท่านั้น

อนึ่งเวลา van Gogh เห็น Gauguin บีบสีออกจากหลอดแล้วละเลงไปทั่วผ้าใบ เขารู้สึกทุเรศเหมือนเห็นเด็กทำภาพสวยๆ สกปรกเปรอะไปหมด

นอกจากนี้ van Gogh ก็ยังคิดว่า การพยายามวาดภาพจากความทรงจำของ Gauguin นั้นน่ารำคาญ ดังนั้น เมื่อคนทั้งสองไปชมงานแสดงภาพวาดของ Delacroix กับ Courbet การทะเลาะกัน เพราะมีทัศนคติที่ไม่ตรงกัน ทำให้ Gauguin รู้สึกอยากกลับบ้าน และทิ้ง van Gogh ไปอย่างถาวร

หลังจากที่ทำงานร่วมกันได้ครบกำหนดเยือน การถูกเพื่อนทอดทิ้ง ทำให้ van Gogh ออกอาการประสาท คือ ชักและชกต่อย Gauguin จน Gauguin ต้องหนีไปนอนโรงแรม และในคืนนั้นเอง van Gogh ก็ได้ตัดใบหูซ้ายของตนเอาไปให้โสเภณีดู เมื่อเลือดจากบาดแผลไหลไม่หยุด van Gogh จึงเป็นลมจนสลบหมดสติ และถูกนำส่งโรงพยาบาล จากนั้นสุขภาพก็เริ่มทรุดโทรม เพราะมีอาการชักกระตุกบ่อย

และเมื่อ van Gogh รู้ตัวว่าตนกำลังจะเป็นโรคจิต เขาจึงเข้ารับการรักษาอาการคลั่งที่โรงพยาบาลโรคจิตแห่งเมือง Saint - Remy โดยหยุดวาดภาพทุกครั้งที่คลั่ง และเวลามีอารมณ์ดี ก็จะวาดต่อ ภาพวาดที่สำคัญในช่วงเวลานี้ คือ ภาพต้น cypress ต้น olive และภาพดอกไม้ในแจกัน โดยได้เลียนวิธีวาดของ Delacroix, Daumier, Rembrandt และ Millet บ้าง

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2433 van Gogh ได้นำภาพที่ตนวาดออกแสดงที่กรุง Brussels ในเบลเยียม และอีก 2 เดือนต่อมาเขาก็นำภาพวาด 10 ภาพของเขาออกแสดงที่ Salon des Independents ในปารีส ถึงจะมีคนชื่นชม แต่ก็ไม่มีใครซื้อ

เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม 2433 van Gogh รู้สึกมีสุขภาพดีขึ้น จึงเดินทางจาก Saint - Remy ไป Auvers - sur - Oise และได้แวะเยี่ยม Theo ที่ปารีสด้วย

เมืองใหม่ที่ van Gogh ตั้งใจอาศัยนี้ มีประชากรเพียง 2,000 คน และมีจิตแพทย์ชื่อ Dr. Paul Gachet ซึ่งเป็นเพื่อนของ Pissaro ทำงานประจำอยู่ที่นั่น เพราะ Van Gogh รู้สึกเหงา และวิตกกังวลว่าตนจะหายจากโรคซึมเศร้าได้หรือไม่ เขาจึงให้ Dr.Gachet ดูแลตน ถึง Gachet จะชอบวาดภาพและเป็นนักเก็บสะสมของเก่า แต่เมื่ออาการซึมเศร้าของ van Gogh ทวีความรุนแรง van Gogh จึงทะเลาะกับ Gachet บ่อยและได้วาดภาพ Wheatfield with Crows ซึ่งเป็นภาพของทุ่งข้าวสาลี ที่มีอากาศร้อน และฝูงอีกาบินว่อนเต็มทุ่ง ภาพนี้จึงบอกอารมณ์ของ van Gogh ขณะนั้นว่า กำลังพลุ่งพล่านมาก

สุทัศน์ ยกส้าน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สสวท

กำลังโหลดความคิดเห็น