สสส.เผย "น่าน" อัตราดื่ม "น้ำเมา" สูงอันดับ 1 คิดเป็น 43% ประชกร จับมือเครือข่ายงดเหล้า หมออนามัย ลดละเลิกดื่ม ผ่านการตรวจเอนไซม์ตับ นำร่อง 80 พื้นที่ 32 จังหวัดทั่วประเทศ ชี้ยิ่งดื่มหนักค่าตับยิ่งสูง ส่อตับอักเสบ เกิดมะเร็งตับ ทำให้นักดื่มตระหนักรู้ลดละเลิกได้สำเร็จ
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผอ.สำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส.และสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ลงพื้นที่ รพ.สต.บ้านสะเนียน อ.เมือง จ.น่าน ถอดบทเรียนความสำเร็จ “พลังหมออนามัย ชวนคนไทยตื่นรู้ เช็กตับ เลิกเหล้า” จัดการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยเอนไซม์ตับ ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายหมออนามัยเพื่อพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพในผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชุมชน เนื่องจากการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2564 พบว่า จ.น่าน มีอัตราการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นอันดับ 1 ของไทย คิดเป็น 43% ของประชากร จึงควรส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงระบบการสร้างเสริมสุขภาพ ลด ละ เลิก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงได้มีการบูรณาการองค์ความรู้ด้านปัจจัยเสี่ยงหลัก และระบบบริการสุขภาพ เพื่อแก้ไขปัญหา จนเกิดโครงการดังกล่าวขึ้น ควบคู่กับงดเหล้าเข้าพรรษาในฤดูกาลสุขปลอดเหล้า Healthy Sobriety ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายหมออนามัยวิชาการ เครือข่ายหมออนามัย ม.ทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง และภาคีที่เกี่ยวข้อง ขับเคลื่อนการจัดการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชุมชน พัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการ “วัดค่าเอนไซม์ตับ” ในพื้นที่นำร่อง 80 พื้นที่ ทั้ง 12 เขตสุขภาพ ใน 32 จังหวัด ร่วมกับ รพ.สต. โดยมีเครือข่ายหมออนามัย ให้รู้ด้านสุขภาพ เสริมพลัง ให้คำปรึกษา
“รพ.สต.บ้านสะเนียน เป็นพื้นที่ต้นแบบเก็บวัดผลตรวจเลือด เพื่อหาค่าเอนไซม์ตับจากผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า 3 วันต่อสัปดาห์ และผู้ดื่มติดต่อกันนานเกิน 6 เดือน โดยติดตามหลังการงดเหล้าเข้าพรรษา 3 เดือน พร้อมให้คำปรึกษาปรับพฤติกรรม ลด ละ เลิกดื่ม พบว่า ผู้ดื่มใน ต.สะเนียน ลดหรือเลิกดื่มได้ถึง 78.8% ทั้งนี้ ตับ เป็นอวัยวะสำคัญ ทำหน้าที่รับ-จ่าย-เก็บ-ผลิต น้ำตาล โปรตีน ไขมัน วิตามิน สร้างน้ำย่อย ผลิตเอนไซม์ และเป็นโรงงานกำจัดขยะทำลายของเสีย สุรา สารเคมี สารพิษ ถ้าดื่มสุรามากเกินไปจะทำให้ตับอักเสบ เอนไซม์จะรั่วออกมาทำให้ตรวจพบเอนไซม์ตับสูงในกระแสเลือด และถ้าดื่มเป็นประจำ ดื่มหนักหรือติดสุรารุนแรง จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งตับได้” นพ.พงศ์เทพ กล่าว
นายนันทมิตร นันทะเสน ผอ.รพ.สต.บ้านสะเนียน กล่าวว่า ที่ผ่านมาทำงานร่วมกับเครือข่ายหลายภาคส่วน โดยเฉพาะเครือข่ายหมออนามัยวิชาการ ที่ใกล้ชิดเข้าถึงข้อมูลประชาชน และรู้บริบทของพื้นที่ เพื่อทำงานส่งเสริมการลด ละ เลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะช่วงเข้าพรรษา ซึ่งไม่ได้แค่รณรงค์ชวนให้คนเลิกดื่ม แต่มีเครื่องมืออย่างการตรวจเอนไซม์ตับ โดย สสส. สนับสนุนองค์ความรู้ต้นแบบ เป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนร่วมกับหมออนามัย การเชิญชวนคนเข้ามาตรวจค่าเอนไซม์ตับ นอกจากอาศัยรูปแบบของคณะกรรมการสุขภาพพื้นที่ ยังอาศัยการทำงานของ อสม.ไปเคาะประตู ให้ความรู้ด้านสุขภาพ ติดตามประเมินต่อเนื่องและใกล้ชิด ทำให้เกิดสุขภาพของชุมชนแบบปฐมภูมิตั้งแต่ระดับชุมชน
นายชุมพร อินแปลง เจ้าหน้าที่ อบต.สะเนียน ผู้เลิกเหล้าสำเร็จ กล่าวว่า เริ่มดื่มเหล้ามาตั้งแต่วัยรุ่น 15-16 ปี เพราะค่านิยมว่าลูกผู้ชายต้องกล้าดื่ม และไม่ได้เข้ารับการตรวจสุขภาพ จนกระทั่งปี 2557 ได้เข้ามาร่วมโครงการกับ รพ.สต.สะเนียน เจาะเลือดตรวจค่าเอนไซม์ตับ พบว่าค่าค่อนข้างสูง และยังได้เข้าร่วมอบรม จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่คิดว่าจะเลิกดื่ม เริ่มจากค่อยๆ ลดลง จากดื่มแทบทุกวันเหลือสัปดาห์ละ 1-2 วัน พอเริ่มปรับตัวได้ก็เลิกเลย หลังจากผ่านไป 2 เดือน ตรวจค่าเอนไซม์พบว่าดีขึ้น จึงปรับพฤติกรรม จนปัจจุบันเลิกมาได้ 5 ปีแล้ว หลังเลิกดื่ม สุขภาพดีขึ้น ไม่เหนื่อยง่ายเวลาทำงาน ทานอาหารอร่อย เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เพื่อครอบครัว รู้สึกภูมิใจในตัวเอง ขอบคุณที่มีโครงการนี้ เพื่อให้ผู้คนอีกมากมายได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง