บอร์ดวัคซีนเห็นชอบ เข้มฉีดวัคซีนพื้นฐานหลังช่วง "โควิด" ทำการฉีดลดลง เร่งฉีดวัคซีนเอชพีวีเด็กตกค้าง 1.2 ล้านคน ประสาน สปสช.จัดซื้อเพิ่มเติม พร้อมปรับการฉีดวัคซีนไอพีวีป้องกันโปลิโอเป็น 2 เข็ม ไฟเขียวระเบียบจัดหาวัคซีนในภาวะฉุกเฉินรองรับโรคระบาดในอนาคต
เมื่อวันที่ 2 มี.ค. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชาคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบ 3 เรื่อง คือ 1.การให้ความสำคัญรณรงค์เร่งรัดการฉีดวัคซีน ซึ่งช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด ทำให้การฉีดวัคซีนพื้นฐานลดลงในทุกพื้นที่ของประเทศไทย วันนี้จึงมีนโยบายให้หน่วยงานต่างๆ ทั้ง สธ. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และหน่วยบริการนอก สธ. เช่น กระทรวงอุดมศึกษาฯ รพ.มหาวิทยาลัยต่างๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งดูแล รพ.สต.ส่วนหนึ่ง
2. เร่งรัดให้มีการฉีดวัคซีนเอชพีวี เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมาขาดคราวไป มีเด็กประมาณ 1.2 ล้านคนไม่ได้รับการฉีด คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรเพิ่มการฉีดอีก 1.2 ล้านคนเข้าไป และมอบให้ สปสช.ไปจัดหา ถือเป็นการเพิ่มขึ้นของวัคซีนเอชพีวีป้องกันมะเร็งปากมดลูก ที่เตรียมไว้สำหรับเด็ก ป.5 ของปีนี้ให้เพิ่มขึ้นอีก 1.2 ล้าน ซึ่งขณะนี้อยู่ ม.2 กำลังออกจากระบบการศึกษา จึงต้องเร่งดำเนินการเพื่อไม่ให้ตามมาฉีดยาก และ3. วัคซีนไอพีวีหรือวัคซีนโปลิโอเข็มที่ 2 เดิมฉีด 1 เข็ม ตอนนี้ขอปรับให้เป็นการฉีด 2 เข็ม เพื่อช่วยควบคุมโรคให้ดียิ่งขึ้น และป้องกันการกลายพันธุ์และเกิดโรคในเด็ก เนื่องจากขณะนี้มีการระบาดในบางประเทศใกล้ไทย โดยมอบหมายให้กรมควบคุมโรค สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และสปสช.ไปดำเนินการจัดหา
ด้าน นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบระเบียบเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีกลไกการจัดหาวัคซีนในภาวะฉุกเฉิน จากการถอดบทเรียนการจัดหาวัคซีนโควิด 19 เป็นที่มาว่า ควรมีระเบียบของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการจัดหาวัคซีนโควิดอย่างครบถ้วน จึงเห็นชอบระเบียบนี้ซึ่งจะทำให้เกิดกระบวนการจัดหาวัคซีนครบถ้วน มีคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อดูแลด้านวิชาการ การต่อรองต่างๆ จะทำให้กลไกจัดหาวัคซีนชัดเจนขึ้น ซึ่งเกิดจากการถอดบทเรียนที่ผ่านมา รองรับอนาคตหากมีการระบาดของโรคระบาดร้ายแรงที่ต้องจัดหาวัคซีนในภาวะฉุกเฉิน เมื่อมีระเบียบก็จะช่วยให้การดำเนินการต่างๆรวดเร็วขึ้น
“นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอความก้าวหน้าวัคซีนโควิด 19 ของประเทศไทย ทั้งองค์การเภสัชกรรม ได้เริ่มทดสอบในคนระยะที่ 3 ส่วนคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ชนิด mRNA เริ่มทดสอบวัคซีนที่ผลิตได้เองในประเทศไทยอยู่ระยะที่ 1 ขณะที่ใบยาก็ระยะที่ 1 เช่นเดียวกัน ทั้งหมดเห็นศักยภาพวัคซีนของประเทศ ทั้งวัคซีนโควิด 19 และฐานต่อยอดในสถานการณ์ข้างหน้า ทั้งการจัดหาในภาวะเร่งด่วน การพึ่งพาตัวเองในศักยภาพที่เรามี จะทำให้เรามีความพร้อมและมีความมั่นคงด้านวัคซีนมากขึ้น” นพ.นคร กล่าว
เมื่อถามถึงการฉีดวัคซีนเอชพีวีย้อนหลังจะยังได้ผลดีเหมือนเดิมหรือไม่ นพ.นครกล่าวว่า วัคซีนยังได้ผลดีเหมือนเดิม เพราะกลุ่มอายุในข่ายไม่เกิน 15 ปี ผลวัคซีนยังดีมากๆ แม้จะอายุสูงขึ้น ซึ่งจากการวิจัยพบว่า การกระตุ้นภูมิคุ้มกันยังทำได้ดี เพียงแต่อายุมากขึ้นโอกาสมีเพศสัมพันธ์ก่อนรับวัคซีนจะสูงขึ้น ทำให้ประโยชน์จากวัคซีนน้อยลง เพราะอาจติดเชื้อไปก่อน แม้จะอายุมากการรับวัคซีนไม่เป็นอะไร ได้ผลแน่ๆ แต่อาจจะไปติดเชื้อมาก่อนเท่านั้น ซึ่งการฉีดย้อนหลังให้ 1.2 ล้านคนก็มีนโยบายจะเร่งรัดจัดหาให้ได้เพียงพอ กับประชากรที่ยังไม่ได้วัคซีน