กรมอนามัย ห่วงค่าฝุ่น PM 2.5 กทม.พุ่งสูงช่วงปลาย ม.ค. ย้ำตรวจสภาพอากาศ หากสีส้ม-แดง โรงเรียนควรลด-งดกิจกรรมกลางแจ้ง ส่วนจะปิดโรงเรียนให้ประเมินรอบด้านก่อน ที่ทำงานพิจารณามำงานที่บ้าน จัดห้องปลอดฝุ่น
เมื่อวันที่ 26 ม.ค. นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ กทม.มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงวันที่ 27-28 ม.ค. และวันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. 2566 เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด ซึ่งฝุ่น PM2.5 จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระบบต่างๆ เช่น ระบบตา ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ และระบบหัวใจและหลอดเลือด หากร่างกายได้รับสัมผัส PM 2.5 จะก่อให้เกิดอาการต่างๆ โดยความรุนแรงของอาการมีตั้งแต่ระดับเล็กน้อย เช่น แสบตา คันตา น้ำตาไหล คัดจมูก มีน้ำมูก แสบจมูก แสบคอ ไอแห้งๆ คันตามร่างกาย มีผื่น อาการ ระดับปานกลาง เช่น ตาแดง มองภาพไม่ชัด เลือดกำเดาไหล เสียงแหบ ไอมีเสมหะ หัวใจเต้นเร็ว และอาการระดับรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด เหนื่อยง่าย หากมีอาการรุนแรง ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
นพ.เอกชัย กล่าวว่า ประชาชนควรเฝ้าระวังและป้องกันตนเองจาก PM2.5 โดย .ติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศ หากเป็นสีส้มและสีแดง ซึ่งเป็นค่าฝุ่นที่เกินมาตรฐานและมีผลกระทบต่อสุขภาพควรปฏิบัติตนตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด 2. ประเมินตนเองว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ เช่น มีอาชีพอยู่กลางแจ้งต้องสัมผัสฝุ่นเป็นเวลานานหรืออาศัยในพื้นที่เสี่ยง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด เยื่อบุตาอักเสบ โรคหัวใจและหลอดเลือด หากเป็นกลุ่มเสี่ยงให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นและต้องดูแลป้องกันตนเองเป็นพิเศษ 3.ช่วงที่ฝุ่นละอองสูง ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมนอกบ้าน
4.ถ้าจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงฝุ่นสูง ให้สวมหน้ากากป้องกัน ทั้งหน้ากากอนามัยหรือ N95 ตามเหมาะสมของแต่ละกลุ่ม หรือสวมหน้ากาก 2 ชั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกรองฝุ่น 5.ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิดในช่วงฝุ่นสูง ทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ โดยการเช็ด/ถู แบบเปียก 6.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในบริเวณที่มีฝุ่นสูง เช่น ริมถนน และห้ามสวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นทุกชนิดขณะออกกำลังกาย หรือเปลี่ยนมาออกกำลังกายในบ้าน และ 7.สังเกตอาการผิดปกติของร่างกายและคนในครอบครัว หากพบว่ามีอาการไอ แน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นแดง หรืออาการผิดปกติทางร่างกายอื่น ๆ ให้รีบพบแพทย์ทันที
“ช่วงที่ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โรงเรียนและศูนย์เด็กเล็ก ควรสื่อสารและให้ความรู้แก่นักเรียนถึงอันตรายและวิธีการป้องกันตนเอง เมื่อค่า PM2.5 อยู่ระดับสีเหลือง-ส้ม ควรลดหรืองดกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งการเข้าแถวหน้าเสาธงหรือพลศึกษา ส่วนเด็กที่มีโรคประจำตัว หรือเด็กเล็ก ควรได้รับการดูแลและเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด จัดให้มีห้องปลอดฝุ่นในโรงเรียน" นพ.เอกชัยกล่าว
นพ.เอกชัยกล่าวว่า สำหรับมาตรการปิดโรงเรียน ขอให้แต่ละโรงเรียนประเมินความเสี่ยงอย่างรอบด้าน โดยอาจพิจารณาจากทั้งสถานการณ์ PM2.5 สภาพแวดล้อม ความปลอดภัยในโรงเรียน และสถานการณ์สุขภาพ สำหรับสถานที่ทำงาน สถานประกอบการให้พิจารณากำหนดมาตรการลดฝุ่น เช่น carpool หากอยู่ในระดับสีส้ม อาจให้กลุ่มเสี่ยง เช่น หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคระบบทางเดินหายใจหรือโรคหัวใจ อยู่ในห้องปลอดฝุ่น ลดการทำงานกลางแจ้ง เพื่อลดการรับสัมผัสฝุ่น หรือทำงาน WFH ได้